แก้วชวาลา http://gawchawala.siam2web.com/
   Main webboard   »   General Board
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   444  (Read: 2821 times - Reply: 4 comments)   
444

Posts: 0 topics
Joined: none

444
« Thread Started on 16/8/2552 23:01:00 IP : 124.120.61.174 »
 

ดวงใจโรม

นิยายชุด หนึ่งนางกลางใจ อันดับที่ 1

 

บทนำ

 

บนตัวอาคารสูงนำสมัยในมิลาน[1]ประเทศอิตาลี โรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด นักการเงินชื่อดังและบุตรชายคนโตของคุณเพ็ญแข ลาร์นาโด กับสามีนักธุรกิจชาวอิตาลี นามว่ามอนซา ลาร์นาโด กำลังยืนเด่นเป็นสง่า อยู่ในผ้าสูทเนื้อดีสีดำสนิท เขาดูดีเนียบเฉียบตั้งแต่ศีรษะจรดปรายเท้าทีเดียว ดวงตาคมกริบมองสำรวจไปรอบๆอาณาจักรของตน ดุจสายตาของพญาเหยี่ยวเวหา

แต่ทว่าธวาธิตมิใช่เหยี่ยวเวหาหรอก เขาคือตัวอันตรายในด้านธุรกิจการเงินเสียมากกว่า เพราะระหว่างที่เขากุมบังเหียนอยู่นี้ ก็มีบรรดาเหล่านักธุรกิจมากมาย ที่ต้องวิ่งมาสวามิภักดิ์กับเขา มอนซา ลาร์นาโด เป็นนักธุรกิจที่จับอะไรก็มือขึ้น เขามีทั้งกิจการเดินเรือและสถาบันการเงินที่มั่นคง อีกทั้งยังมีไร่ใหญ่อยู่ที่ ทีโรลใต้[2] ซึ่งสิ่งที่มีอยู่นั้นก็ได้ยกให้บุตรชายทั้งสามดูแลอย่างไม่หวงแหน และคนที่เขาไว้ใจและมั่นใจ ให้กุมกิจการทางการเงินมากสุดก็คือบุตรชายคนโต

 โรมหรือธวาธิต ลาร์นาโดนั้นเอง ในบรรดาบุตรชายทั้งสามนั้น โรมจัดว่าเป็นคนสุขุมและเยือกเย็น่สุด ความคิด สายตา ใบหน้า ทุกอย่างที่เป็นเขานั้นนิ่งสนิทเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ และสำหรับโลกธุรกิจนั้น รู้จักแค่หน้าแต่ไม่ต้องรู้จักใจมากนักก็ดี เพราะฉะนั้นธุรกิจทางการเงิน จึงตกเป็นของธวาธิต ลาร์นาโดโดยที่ไม่มีใครคัดค้านแม้แต่คนเดียวเลย

มอนซา ลาร์นาโด รักและตามใจภรรยาชาวไทยของเขามาก เขายอมแม้ไม่ตั้งชื่อลูกเป็นภาษาอิตาเลียน เหตุเพราะภรรยาของเขานั้น ปรารถนาให้บุตรชายทั้งสามคนใช้ชื่อไทยมากกว่า และแน่นอนพนักงานในเครือลาร์นาโดนั้น ไม่จำเป็นต้องหัดพูดภาไทยเหมือนลูกๆเขา และแม้แต่ตัวของเขาเองก็ตามเถอะ แต่ทุกคนจะต้องเรียกชื่อบุตรชายทั้งสามของเขา และภรรยาสุดที่รักด้วยภาษาไทยอย่างถูกต้อง

 และนี่คือกฎของลาร์นาโด ห้ามเหยียดหยามดูหมิ่นว่าเขามีภรรยาเป็นชาวเอเชีย หรือทำอะไรให้ภรรยาชาวไทยของเขาเจ็บใจ มันอาจจะเป็นกฎบ้าบอไปเสียหน่อย แต่มอนซา ลาร์นาโด ก็อ้างว่าชีวิตของเขาเริ่มต้นจากครอบครัวก่อน ซึ่งจริงๆแล้วเขาจะอ้างยังไงก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว  เนื่องจากอำนาจเงินและอิทธิพลในมือ ที่มีอยู่จนล้นมือนั่นเอง ทำให้ไม่ว่าพวกลาร์นาโดจะทำอะไร มันก็ดูถูกต้องและดีงามไปหมด

 

และขณะนี้บุตรชายคนโตของเขา ธวาธิต ลาร์นาโด หรือโรมกำลังยืนหน้าขรึม ด้วยมาดของนักการเงินทรงประสิทธิภาพ และการเป็นคนที่พูดน้อยแต่คิดหนักนี้เอง ทำให้ธนาธรและธนากร หรือจะเรียกเล่นๆว่ากรุงและกร ซึ่งเป็นน้องชายของเขานั่นเอง มักตั้งฉายาให้ธวาธิตซึ้งเป็นพี่ชายใหญ่ว่าเสือยิ้มยาก แต่จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะ ธวาธิตก็ไม่ชอบยิ้มอยู่ดี เขาคิดว่าชีวิตที่ตลกเฮฮานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เขาอยู่อย่างไม่ยิ้มและไม่มีไมตรีให้ใคร ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนตรงไหน ตรงกันข้ามกลับมีทั้งเศรษฐีใหม่และเก่า วิ่งมาให้เขาช่วยเหลือไม่เว้นแต่ละวัน เขาไม่เคยยิ้มให้คนพวกนั้นเลยสาบานได้ ธวาธิตเพียงแต่ฟังข้อเสนอ พยักหน้าและส่ายหน้าเท่านั้นเอง แต่คนที่มาเจรจากับเขานั้น ก็ไม่มีใครอยากให้เขาส่ายหน้าสักคนหรอก  

ธวาธิตเริ่มคิดเตลิดไปไกล และพอรู้ตัวเท่านั้นชายหนุ่มก็รีบดึงสมาธิของตนเอง กลับมาโดยไว นักธุรกิจที่ทรงประสิทธิ์ภาพสูง ไม่ควรเลื่อนลอยปล่อยสมองไปเรื่อยเปื่อย เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้น ชายหนุ่มก็เป็นอย่างนี้ คือฝึกฝนสมาธิและตื่นตัวอยู่เสมอ  ดวงตาคมดุจเหยี่ยวเวหาของธวาธิตนั้น เริ่มสำรวจทุกอย่างรอบกายอีกครั้ง เขาพึงพอใจกับงานเลี้ยงเล็กๆน้อยๆนี้ใช่ย่อย ริมฝีปากยักลึกได้รูปงามนั้นกดลึกที่มุมปาก ยากจะคาดเดาเขาได้จริงๆว่า เขายิ้มหรือหยันกับทุกอย่างรอบกายกันแน่ งานเลี้ยงเอาใจคู่ค้าเพื่อผลกำไรภายภาคหน้า ธุรกิจ  น้ำแข็ง และหน้ากาก ธวาธิตคิดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ไม่มีสัจจะในหมู่โจร พอๆกับไม่มีมิตรแท้ในแวดวงธุรกิจ เงินเท่านั้นคือรางวัลของคนฉลาดและมือยืดยาว

ชายหนุ่มกระตุกมุมปากเยาะหยันให้กับความคิดของตนอีกครั้ง แล้วมองสำรวจรอบๆ ห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง ในเครือของลาร์นาโด เพื่อดูความเรียบร้อยของงานให้ถ้วนถี่ เขาชอบความเนี้ยบ และมีระเบียบ และเกลียดคำว่าจุดบกพร่อง ช่องโหว่ง ข้อตำหนิต่างๆ ทันใดนั้นดวงตาคมก็ไปสะดุดกับวัตถุที่ไม่พึงประสงค์บางอย่างเข้า  อ้อ!ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่วัตถุที่ไม่พึงประสงตค์ แต่มันเป็นคน ภัตตาคารบัดซบ ที่เขาเสียเงินจ้างมานี้ เอาเด็กมาเดินเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้าเขาได้ยังไงกัน แม่เด็กหญิงคนนั้นมันอายุเท่าไรกัน ดูจากสรีระแล้วน่าจะ 14-15 ปี ผมดำยาวดำขลับ เหมือนจะเป็นคนเอเชียอย่างเช่นมารดาของเขา แต่ธวาธิตไม่สนใจที่จะเดินไปดูเด็กคนนั้นให้ชัดๆหรอก เพราะเขากำลังอารมณ์เสีย และบอดี้การ์ดคนสนิทของเขาคงจะรู้ดี จึงถามมาหน้าขรึมไม่แพ้เจ้านาย

 มีอะไรหรือเปล่าครับนาย?

เสียงผู้ติดตามร่างยักษ์ถามขึ้น แต่ธวาธิตไม่ตอบ ดวงตาคมยังจ้องไปที่เด็กสาวคนนั้นนิ่ง แต่ก็ไม่เห็นอะไรนัก นอกจากหน้าขาวๆ และผมดำยาวสลวยเป็นมันดำขลับของอีกฝ่าย ทำไมภัตตาคารนี้ จึงเอาเด็กเล็กขนาดนี้มาใช้แรงงานในตอนกลางคืน เห็นที่เขาต้องเรียกมาเตือนเสียแล้ว ว่าอย่าเอาเด็กคนนั้น ขึ้นมาทำงานที่ตึกลาร์นาโดอีกเป็นอันขาด เขาไม่อยากให้พวกคู่ค้าของเขา มองว่า เขาใช้แรงงานเด็ก หรือขี้เหนียวว่าจ้างเด็กมาทำงาน เพราะต้องการจ่ายค่าจ้างถูกๆ

ให้ตายเถอะพวกลาร์นาโด ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ลาร์ดาโนไม่ใช่ตัวอะไรต่ออะไรที่มุดอยู่ในรู แต่เป็นอินทรีย์ผงาดฟ้า ทั้งภาพพจน์และภาพจริงต้องเนี้ยบ เฉียบ และดูดีเสมอ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ภัตตาคารที่เขาเป็นลูกค้ามานาน ไม่น่าขาดความรอบคอบ ทำงานเหมือนไม่รู้ใจกันแบบนี้ เพราะสำหรับเขาแล้วนั้น การทำงานที่ดีคือไม่มีช่องโหว่งให้ใครเอาไปตำหนิหรือติดฉินนินทาได้เลย มันสบประมาทกันชัดๆ แม้ใครจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี

ไม่รู้ล่ะเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ ให้ผ่านไปอย่างแน่นอน เพราะหากมีเด็กหนีพ่อแม่มาทำงานตอนกลางคืนคนหนึ่งแล้วละก็ พอเห็นว่าเขาไม่ติติงอะไรไปเลย ก็อาจจะมีเพิ่มมาอีกคนสองคนก็ได้ แล้วถ้าหากพ่อแม่เด็กมาโวยวาย เอาบริษัทเขาไปร้องเรียนโยงใยให้เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โต จะทำยังไงละ เขาไม่เอาด้วยหรอก เขาชอบตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ชอบอะไรที่มันสายเกินแก้ ธวาธิตคิดเท่านั้น ก็หันกลับไปทางคนสนิทของตนทันที เมื่อเสียงฝ่ายนั้นดังขึ้นมาด้วยภาษาอิตาเลียน 

นายชอบเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือครับ?

สิ้นคำถามนั้น ธวาธิตก็มองคนของตัวเองนัยน์ตาดุดัน แล้วถามไปเสียงเยียบเย็น

เด็กนั้นกี่ขวบ เปรโก?

เขาย้อนถามคนสนิทไป เห็นอีกฝ่ายหน้าเจื่อน แล้วมองไปยังเด็กร่างเล็กๆตัวขาวๆ ที่เห็นกันอยู่ไกลๆ จากนั้นก็ตอบกลับมาแบบไม่กล้าสบตานัก

ผมเห็นไม่ชัดครับ แต่น่าจะประมาณ 13-14 ปี

ใช่เด็กเล็กๆท่าทางเพิ่งหย่านมได้ไม่กี่วันเองแหละ นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเด็ก ฉันไม่ชอบเด็กพอๆกับไม่ใช่แรงงานเด็ก เพราะฉะนั้นนายไปดูเบอร์พนักงานของเด็กคนนั้น แล้วแจ้งไปทางภัตตาคารทันที ว่าอย่าได้เอาเด็กคนนั้น มาเหยียบที่ลาร์ดาโนอีกเป็นอันขาด เพราะฉันไม่ชอบถ้ามีการฝ่าฝืนคำสั่ง ฉันจะไปใช้บริการภัตตาคารอื่น ธวาธิตกล่าวไปเสียงดุเด็ดขาด ทำให้บอดีการ์ดเขาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบกลับมาสั้นๆ

ครับเจ้านาย บอดี้การ์ดรับคำเท่านั้น ก็ไหว้วานคนให้ไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที อะไรที่ธวาธิตต้องการนั้น จะต้องเร่งทำการทันที เพราะทายาดหมายเลขหนึ่ง ของลาร์ดาโนนั้นเกลียดคำว่าเฉื่อยชา และการทำงานไร้ประสิทธิ์ภาพเป็นที่สุด

 

บทที่ 1

วันนี้บนริมทางเท้าภายใต้อาคารลาร์นาโด ที่แสนหรูหราและโออ่านั้น บัดนี้มีสตรีร่างเล็กบาง ผิวขาวผมยาวดำขลับ กำลังยืนชะเง้อคอมองอาคารสูง ด้วยสายตาโกรธๆดวงตาที่ล้อมรอบด้วยขนตายาวงอน เป็นประกายวับวาวอย่างแค้นใจ ส่วนใบหน้านวลขาวนั้น ก็เลอะเทอะมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตา ใครมองก็รู้เลยว่าหล่อนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ เพราะขอบตากลมโตคู่นั้นมันยังแดงๆอยู่เลย หน้าก็แดง ปากก็แดง จมูกก็แดง  เรียกสายตาของใครต่อใครให้มองมา  ด้วยความสงสัยว่าสตรีร่างเล็ก หน้าตาราวตุ๊กตาญี่ปุ่นมอมแมมผู้นี้ มาทำอะไรที่หน้าตึกใหญ่อย่างลาร์ดาโนกันหนอ

 เพราะดูจากการแต่งตัวด้วยเสื้อโคสสีมอๆ แล้ว มั่นใจได้เลยว่า คงไม่ได้มาติดต่อด้านธุรกิจอย่างแน่นอน ด้วยความที่ตัวเล็กต่างจากคนยุโรปส่วนใหญ่ พร้อมกิริยาชะเง้อชะแง้คอมองตึกสูงจนคอตั้งนั้น ทำให้คนผ่านไปมามองมาที่หญิงสาวเป็นจุดเดียว คนแล้วคนเล่าต่างสงสัย และสงสายตาเวทนามาให้ แต่พลอยใสไม่รู้ตัวหรอก ว่าสภาพของตัวเองนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเธอกำลังโกรธและโกรธ แล้วก็โกรธอีตาโรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด นักการเงินใจร้ายเหี้ยมโหดคนนั้น บุรุษที่ใครต่อใครลือกันนักหนาว่าหน้าเลือด  พลอยใสคิดถึงบุรุษที่ชื่อธวาธิตอย่างเดือดดาน เพียงค่ำคืนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง เมื่อเธอมาเยือนตึกอันหรูหราของเขา แถมไม่ได้มาอย่างทรงเกียรติอะไรหรอก

 เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น เธอมาทำงานเสิรฟ์นอกสถานที่  แล้วนายธวาธิตก็ทำเธอแทบกระอักเลือดตาย เธอมาทำงานของเธอดีๆ แท้ๆ แต่สุดท้ายกลับต้องถูกไล่ออก แล้วทีนี้หญิงสาวจะเอาอะไรกินเข้าไปล่ะ?พลอยใสคิดอย่างแค้นใจผู้ชายที่ชื่อโรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด หล่อนเห็นเขาเมื่อคืนวานนี้ไกลๆ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาเอาการทีเดียว นั้นก็คงเป็นเพราะมีสองสายเลือด ผสมกันอยู่ในตัวนั้นเอง แต่ถึงจะดูหล่อขนาดไหน ก็พอมองออกว่าเป็นคนใจร้าย มาดเขานิ่งมาก ดวงตาคมเฉี่ยวนั้นบอกเลยว่า เป็นคนเลือดเย็น

 แล้วเขาก็เลือดเย็นจริงๆ เพียงแค่เห็นเธอเกะกะตา บนที่ทำงานของเขาเท่านั้น อยู่ๆก็มาไม่ชอบใจเธอโดยไม่มีเหตุผล เล่นร้องเรียนไปยังที่ภัตตาคารสาขาใหญ่ บอกว่าไม่ให้เธอขึ้นไปเสนอหน้าบนที่ทำงานของเขาอีก จนผู้จัดการสาขาที่เธอทำประจำอยู่ ถึงกับโกรธจัดจนไล่เธอออก ด้วยเหตุผลที่ว่าทำให้ลูกค้าคนพิเศษ อย่างเขาไม่ชอบใจ คนใจร้าย คอยดูสิเขาจะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ หญิงสาวคิดแล้วก็พาร่างบาง ซึ่งสวมชุดแสนจะเก่าปอนนั้น เข้าไปในตัวอาคารหรูหราใจกลางเมืองมิลาน  ของตระกูลลาร์ดาโนทันที ไม่ได้หยุดคิดเลยว่า มันดูไม่เข้ากันเลยสักนิด

จะมาหาใคร?

เสียงถามพร้อมกับบุรุษร่างใหญ่  แต่งสูทสากลหรูหรา ทำหน้าที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ของลาร์นาโดดังขึ้น ดวงตาสีเขียวมองพลอยใสเขม็ง ทำราวกับว่าหญิงสาวเป็นตัวเม่นพิษ หรือกำลังจะบุกมาก่อการร้าย ที่สถาบันการเงินลาร์ดาโนอย่างนั้นแหละ

ฉันมาหาซินญอเร[3]ธวาธิต ลาร์นาโด

พลอยใสเชิดหน้าตอบอิตาเลียนกลับไป เพราะคิดว่าเขาจงใจถามเธอภาษานี้ เหมือนกับดูถูกกันนิดว่าเธอฟังไม่ออก แต่พอตอบไปแล้วก็ต้องโกรธเอง เมื่อเขากวาดตามองมานิ่ง แล้วกล่าวเสียงหยามหยัน ทำราวกับเธอเป็นพวกสัตว์เลื่อยคลานข้างถนน ทั้งๆที่อีตาคนเฝ้าประตูนี้ มันก็ชนชั้นเดียวกับเธอแท้ๆ เพียงแค่ได้มาทำงานที่ตึกลาร์นาโดหน่อยทำเป็นยืด เชอะ! หญิงสาวหน้าตึง เมื่ออีกฝ่ายปฎิเสธตนกลับมา อย่างไม่ลังเลสักนิดเลย

เสียใจด้วยซินญอร์ธวาธิต ลาร์นาโด ไม่ออกมาคนเก็บขยะอย่างเธอหรอก มาทางไหนไปทางนั้นเลยไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ใครจะมาเดินเล่นได้ง่ายๆ เป็นที่ทีเขามาติดต่อเรื่องงานกัน

โอ๊ย! ปล่อยนะ

 หญิงสาวตะโกนออกไปอย่างโกรธๆ ทั้งดิ้นทั้งสะบัดตัวหนีเป็นพัลวัล เมื่อคนเฝ้าประตูของลาร์นาโด หิ้วปีกตนออกมาจากตึกอย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นเขาก็จับเธอโยนลงไปที่ริมฟุตบาท ทำราวกับเธอเป็นถุงขยะอย่างนั้นแหละ หญิงสาวนี่โกรธจัดเงยหน้าขึ้นหมายจะด่า แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าถมึงทึง ด่าขึ้นมาเสียก่อน

กลับไปได้เลย เจ้านายฉันไม่สนใจเธอหรอก นังผู้หญิงขายตัว!”

พลอยใสอ้าปากค้างไปเลย เมื่อถูกด่าแบบนั้น หลังจากนั้นไอ้คนที่มันด่าเธอ ก็เดินไปยืนทำหน้าที่ของตัวเอง ต่อที่หน้าประตู และด้วยความโมโหนี่เอง หญิงสาวจึงตะโกนโต้กลับไปบ้าง

ไอ้หมาเฝ้าตึก ทุเรศที่สุด รังแกผู้หญิง

แต่พอตะโกนไปแล้วก็ต้องคอย่น เมื่อมันมองมาตาลุก

นังโสเภณี! กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะหั่นเธอเป็นชิ้นๆ วันๆ พวกเธอเดินเข้ามาขอพบเจ้านายฉัน กี่คนต่อกี่คนก็ไม่รู้ มาที่ไรก็ถูกจับโยนออกไป เหมือนเศษขยะเหม็นๆทุกที กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเข็ดกัน

เสียงคนเฝ้าประตูกล่าวมาอย่างเดือดดาน และมองเธอตาขวางๆ พลอยใสก็เชิดหน้าต่อตาไม่ยอมแพ้ สักพักมันก็หรี่ตาลงมองเธอสายตาดูแคลน แล้วกล่าวออกมาเสียงเย้ยหยันแกมรู้ทัน

 หน้าโง่ คิดหรือยังไงว่า ฉันจะรู้ไม่ทันพวกเธอ นายฉันไม่มองโสเภณีชั้นต่ำหรอก อย่ามาเสียเวลาไปขายตัวให้พวกวัยรุ่นชอบขับรถซิ่งไป

ไอ้หมูสกปรก!”

หญิงสาวตะโกนด่ามันอีกหน โมโหที่มันหาว่าเธอเป็นโสเภณี แต่คราวนี้มันไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว พลอยใสจึงลุกขึ้นยืนปัดเนื้อปัดตัว หญิงสาวหน้าเหยปวดแปลบที่บริเวณสะโพก ก็เธอถูกเหวี่ยงออกมาใช้เบาเสียเมื่อไรกัน หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก แล้วมองก้มลงสำรวจตัวเองดูว่า เธอนั้นแต่งกายตรงส่วนไหน ที่มันดูเหมือนกับโสเภณีบ้าง ทุกอย่างก็มิดชิดดี กางเกงยีนเก่าปอนขายาว เสื้อยืดสวมทับด้วยโคสสีมอๆด้วยซ้ำไป   ไม่เห็นส่วนไหนโชว์เนื้อหนังมังสาสักนิด คิดแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่น

 เชอะ! อีตาคนเฝ้าประตูจิตลามก คิดอกุศล คนมาขายตัวเขาซอมซ่อแบบเธอกันหรือ มีแต่จะทำให้สวยใส่น้ำหอมแพงๆ

 หญิงสาวบ่นออกมาหน้าตึง และที่พลอยใสคิดแบบนี้ก็เพราะเธอไม่รู้มาก่อนว่า ผู้หญิงที่เข้าหาธวาธิตนั้นมีร้อยแปดวิธี จนคนของเขาเอือมที่จะสกัดกั้นแล้ว เบื่อขึ้นมาก็หิวปีกจับโยนออกไป เหมือนกับที่เธอโดนอยู่นี่แหละ หญิงสาวค่อนอีตานั้นเสร็จก็ ลุกขึ้นอย่างท้อแท้ ปากก็บ่นกระปอดกระแปด ค้อนลมแร้งไปตามเรื่อง

โธ่เอ่ย คนหาเช้ากินค่ำเหมือนกันแท้ๆ กับไม่เห็นใจถามไถ่สักนิด  อ้าปากพูดไปได้ไม่กี่คำก็จับโยนออกมาเสียแล้ว อู้ย!เจ็บสะโพกชะมัด

หญิงสาวกล่าวพร้อมทำหน้านิ่ว แต่สมองก็ยังไม่หยุดคิด ว่าตนจะเข้าพบธวาธิตได้อย่างไร  เธอต้องการคำอธิบายจากธวาธิตว่า เธอทำอะไรผิดหรือ และพลอยใสได้ไปล่วงเกิน ทำอะไรขัดหูขัดตาอะไรเขาเข้า จึงได้ร้องเรียนไป จนหญิงสาวถูกไล่ออกแบบนี้ พลอยใสคิดอย่างกลุ้มๆ นี่ถ้าเธอไม่ได้งานภายในอาทิตย์นี้ วินซาโตพ่อเลี้ยงที่หอบหิ้วเธอและมารดามาอยู่อิตาลีนั้น ต้องบ่นหูจมแน่ๆ เผลอๆ ก็จะพาลกับมารดาเธออีก

 คิดแล้วก็ยิ่งกลุ้มใครว่าคนไทยได้สามีฝรั่งดี วินซาโตบิดาเลี้ยงเธอนี่แมงดาชัดๆ ตอนไปเที่ยวเมืองไทยทำตัวหรูหรา ใช้เงินเป็นว่าเล่น ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เอาใจสารพัด จนแม่เธอหลงกลยอมแต่งงานด้วย แต่พอเขาพาเธอและมารดามาอยู่อิตาลีเท่านั้น ก็เริ่มปฏิบัติกับเธอและมารดาเยี่ยงทาส แม่เธอต้องไปทำงานโรงงานผลิตของชำร่วย ไม่ค่อยได้มีเวลาพัก ต่อมาอีกสองปีได้เธอก็ต้องทำงานห้องอาหาร ทั้งที่มันเป็นวัยเรียน

ส่วนวินซาโตนะหรือ เขาก็ใช้เงินจิบไวน์นั่งสบายอยู่ที่บ้าน ให้เธอและมารดาหาเลี้ยงตัวเองแล้วไอ้โรงงานผลิตของเล่นอะไรๆ ที่เขาคุยเอาไว้ตอนไปเที่ยวเมืองไทยน่ะ ก็โม้ทั้งนั้น หญิงสาวคิดอย่างแค้นๆ บิดาเลี้ยง เพราะนอกจากเขาจะใช้งานเธอแล้ว หลังๆ มายังชอบมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ยิ่งเวลาไหนที่มารดาไปทำงานด้วยแล้ว มักมองเธอด้วยสายตาโลมลูบ หาทางเข้าใกล้เธอเสมอ หนักเข้าพลอยใสก็ออกมาอยู่อพาร์ตเม้นต์กับเพื่อนเสียเลย เพื่อตัดปัญหา

พลอยใสคิดแล้วถอนใจ ครั้นจะบอกมารดาก็เกรงว่าท่านจะไม่สบายใจ จึงจำต้องกัดฟันทนเอา คิดแล้วเจ็บใจผู้ชายพวกนี้นัก วินซาโตก็เลว ธวาธิตก็ใจร้าย เธอขอสาปส่งสองคนนี้ให้ลงนรกไปเลย โดยเฉพาะธวาธิตรู้จักกันก็ไม่รู้จัก เขาก็ยังกลั่นแกล้งเธอ ใช้สิทธิของลูกค้ารายใหญ่ให้เจ้านายไล่เธอออก ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ พลอยใสมองตึกใหญ่โตอีกครั้งแล้วกัดฟันกรอด

อย่าให้เจอนะนายธวาธิต ฉันไม่กลัวนายหรอก คนบ้า! คิดว่ามีเงินแล้วก็จะรังแกใครก็ได้อย่างนั้นหรือ

หญิงสาวบ่นไปเดินไปตามริมทางเท้า ต่อมาสายตาก็แฉลบไปเห็นรถลีมูซีนสีดำมันปลาบวิ่งผ่านสายตาไป แต่บุคคลที่อยู่ด้านหลังนั่นสิ ธวาธิต ลาร์นาโด เธอจำเขาได้ บุรุษที่มีบุคลิกเย่อหยิ่งยโส มองคนอื่นด้วยหางตา พอรถเขาเลยผ่านไป และวิ่งเข้าตัวตึกซึ่งแน่นอนว่าเป็นลานจอดรถอย่างไม่ต้องสงสัย เท้าของพลอยใสก็ไวเท่าความคิด

 หญิงสาวรีบวิ่งไปทันที เธอต้องพบเขาให้ได้ อย่างน้อยเธอต้องรู้ว่าเหตุใด ตัวเองถึงถูกไล่ออกจากงาน เธอทำผิดอะไรเขาจึงไม่พอใจแบบนี้ แล้วถ้าเขายังมีความเมตตาบ้าง หญิงสาวก็จะขอให้เขาบอกเจ้านายของเธอ ให้รับตนเองเข้าทำงานอีกครั้ง อย่างน้อยเขาน่าจะคิดได้บ้าง เพราะตัวเองก็มีสายเลือดไทยอยู่ในตัว เหมือนๆกันกับเธอตั้งครึ่งหนึ่ง พลอยใสจะต้องเจรจากับเขาให้ได้ งานเดี๋ยวนี้ใช่หาได้ง่ายๆ

 

ขณะที่พลอยใสกำลังหาทางเล็ดลอด เข้าไปยังลานจอดรถของตึกลาร์นาโดอยู่นั้น ร่างสูงในชุดสูทสากลสีดำหรู กำลังก่าวลงมาจากลีมูซีนด้วยท่วงท่าสง่างาม และพอเขายืดตัวเต็มความสูงได้เท่านั้น ธวาธิต ลาร์นาโด ก็กวาดตามองทุกอย่างรอบกาย ด้วยสายตาเรียบสงบและเยียบเย็น เกินที่ผู้คนจะคาดเดาได้ว่า เขาอยู่ในอารมณ์ไหน สำหรับการทำงานในเช้าวันนี้  

ตลอดทางที่เขาเดินไป ผ่านคนเฝ้ารถของบริษัทที่แต่งกายด้วยสูทหรู สำหรับธวาธิตแล้วทุกอย่างต้องดูดีเสมอ พนักงานชาวอิตาเลียน โค้งให้เขาอย่างสุภาพ ทั่วทุกคนที่เขาเดินผ่าน แต่ผู้เป็นนายก็หาสนใจไม่ นิ่งเหมือนมองไม่เห็นหัวใคร และนี่คือนิสัยของเขา โรมมองไปรอบๆ สถาบันการเงิน ที่เขากุมบังเหียนอยู่อย่างพอใจ ทุกอย่างสะอาด ดูดี เนี้ยบ สมเป็นสถาบันการเงินอันดับหนึ่ง

 ใครเข้ามาติดต่อก็ไม่อาย พนักงานเขาทุกคนแต่งตัวโก้หรู ไม่มีพวกหนูสกปรกที่อยู่ตามท่อน้ำมาวิ่งพล่านให้เกะกะตา เพราะทุกคนที่เข้ามาขอกู้เงินนั้นต่างดูดีมีระดับ มีกิจการใหญ่โตทั้งสิ้น โรมคิดแล้วเดินบ่าตั้งหลังตรง ไปยังลิฟต์เฉพาะส่วนของผู้บริหาร พนักงานหน้าลิฟต์ที่แต่งสูทหรูไม่แพ้คนอื่นๆ โค้งให้เขาอย่างสวยงาม สมกับที่อบรมมาเป็นแรมเดือน ก่อนให้ทำงานจริงๆ ทุกอย่างสำหรับเช้าวันนี้ ราบรื่นเป็นปกติดี แต่พอลิฟต์เปิดและเขากำลังก้าวขาไปเท่านั้นก็ต้องชะงัก

หยุดก่อน!”

เสียงนั้นทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมุ่น โรมยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟต์ แปลกว่าผู้หญิงที่ไหนตะโกนออกมาเป็นภาษาไทย ดังลั่นลานจอดรถของเขาไปหมด แถมสำเนียงไทยฟังชัดเจนทีเดียว ว่านั่นคือคำสั่ง ไม่ใช่การขอร้องวิงวอน และคนอย่างโรมหรือธวาธิต ก็ไม่ชอบให้ใครมาสั่งเสียด้วยสิ   คิดได้เท่านั้นก็กัดฟันกรอด

ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวเวหานั้นลุกวาวอย่างไม่พอใจ หันไปยังที่มาของเสียงทันที แล้วก็เห็นสตรีผู้นางหนึ่งอยู่ไกลนักร่างหล่อนเล็กบางต่างจากสาวๆแถบนี้นัก ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันสนิทนึกตำหนิในใจว่าใครปล่อยแม่หนูสกปรกคนนี้ มาวิ่งเพ่นพ่านในสถาบันการเงินเขากัน หล่อนวิ่งผ่านพนักงานเขามาได้ยังไง จะมาเสนอขายตัวให้เขา แบบที่ผ่านมาอีกแล้วหรือ?

 จะมาเสนอทั้งที่ทำไมไม่รู้จักล้างคราบโคลน จากท่อน้ำเน่าออกเสียเลย ให้ตายสิ! พวกโสเภณีนี้น่ารำคาญที่สุด มาปั่นป่วนเขาให้เสียอารมณ์แต่เช้าเลย พวกนี้ขยันสังเกตดีจริงๆว่าเขาจะเข้าจะออกเวลาไหน เมื่อรู้ว่าจะมีผู้หญิงมาเสนอตัวให้แต่เช้า ธวาธิตเลยไม่สนใจ รีบกล่าวเข้าไปในลิฟท์ทันที แต่แล้วก็ต้องเม้มปากแน่น เมื่อหล่อนสั่งมาอีกหน

อย่าเพิ่งไปเสียงหล่อนยังดังขึ้นพร้อมกับวิ่งกระหืดกระหอบมา อวดดี! โรมคิดอย่างไม่ชอบใจ แม่หนูสกปรกนี่กำลังสั่งใครอยู่ นอกจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่นี่มีใครฟังภาษาไทยออกบ้าง หล่อนจะมาขายตัวให้เขา อย่างน้อยก็คงรู้มาว่า เขาเข้าใจภาษาไทยและพูดไทยได้ ราวกับคนอยู่เมืองไทยมาแต่เล็กเชียว  และหล่อนก็จงใจสั่งเขาด้วยภาษาไทย โรมคิดและบอกตัวเองเสร็จสรรพ เท่านั้นเองดวงหน้าคมสันก็บึ้งตึง เขาหันกลับไปมองเจ้าหน้าที่กดลิฟต์ แล้วเอ่ยไปเสียงแข็งๆ

ลากแม่หนูจากท่อน้ำรั่วที่ตะโกนเอะอะโวยวายอยู่นั้น ให้ตามฉันขึ้นไปด้วย

กล่าวเท่านั้นธวาธิต ก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที โดยมีพนักงานคอยกดปิดให้ และขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดอยู่นั้น หน้าคมของหนุ่มลูกผสมก็บึ้งตึงอีกครั้ง เมื่อแม่หนูที่โผล่มาจากท่อน้ำรั่ววี้ดออกมาใส่เขา อย่างไม่เกรงใจเลยว่าใครเป็นเจ้าของตึก

อย่านะนายธวาธิต ไอ้คนเฮงซวย! จะหนีไปไหน ฉันมีเรื่องสำคัญมากนะ ไอ้...

ก่อนที่เขาจะได้ยินวาจาแสบสันต์ ของพวกชนชั้นท่อน้ำรั่วมากไปกว่านี้ ประตูก็ปิดลงเสียก่อน ร่างสูงที่อยู่ในลิฟต์กำหมัดแน่น เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาเลยสักคน แต่ผู้หญิงขายตัวคนนั้น มาขึ้นไอ้กับเขาเขียวหรือ  บังอาจมากไปแล้ว ตัวเองมีอะไรดี นุ่งผ้าขี้ริ้ววิ่งเข้ามาในสถาบันการเงินชั้นนำของเขา แล้วยังมาขึ้นไอ้นั่นไอ้นี่กับเขา

คิดว่าเขาไม่สันทัดภาษาไทยหรือยังไงกัน หล่อนนึกจะพ่นอะไรออกมาก็พ่นไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวรู้สึก! เปํนผู้หญิงไทยแล้วยังไง เขาจะสนหรือ ในเมื่อผู้หญิงมีเข้ามามากหน้าหลายดาไม่เคยขาด อยู่นี่ใช่จะอดสตรีไทยที่ไหนกัน สาวเอเชียเพียงแค่ออกปาก คนของเขา ก็เอาไปประเคนให้ถึงอพาร์ตเมนต์หรู ที่เขาซื้อไว้สำหรับใช้ทำกิจกรรมแบบนี้โดยเฉพาะ คนอย่างธวาธิตไม่มีเที่ยวไปเพ่นพ่านตามโรงแรม ให้ใครครหาหรือเอาไปลือกันสนุกปากแน่

 เขาทำทุกอย่างระวังเสมอ ไม่อย่างนั้น คงไม่อยู่ด้วยภาพพจน์เลิศหรูแบบทุกวันนี้ ไม่ใช่น้องชายสองคนของเขา ที่ขยันเป็นข่าวจนบิดามารดาปวดหัว เขาเป็นพี่ชายใหญ่จะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ภาพพจน์ของนักการเงินต้องดูดีน่าศรัทธาเสมอ ธวาธิตคิดแล้วเดินบ่าตั้งหลังตรงไว้สง่าอีกครั้ง เมื่อถึงชั้นของตนจึงก้าวออกไปยังพื้นพรมหรู ท่ามกลางสายตาเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหาร และเพียงเขาตวัดสายตาคมไปยังทิศใด ทุกคนก็ก้มหน้าหัวหดกันเป็นรายๆไป

 

ไอ้คนบ้า! อย่าหนีสิ ทำกับฉันถึงขนาดนี้ แล้วหนีกันง่ายๆได้ยังไงบัดซบจริงๆเลยนายธวาธิตไอ้คนเห็นซวย ฉันไม่ใช่พวกสักว์ที่อยู่ตามพื้นดินนะ ถึงมองด้วยหางตาแล้วเดินหนีไปแบบนี้ ฉันรู้นะนายฟังภาษาไทยออก ไอ้คนเฮงซวยคงจะคุยแต่เรื่องเงินเป็นอย่างเดียวสินะ เรื่องอื่นไม่สนใจเลย โธ่!แล้วฉันจะทำยังไงละทีนี้

พลอยใสบ่นออกไปอย่างแค้นๆ เมื่อคนบ้าหัวหดนั่น เดินหายลับไปในลิฟต์หน้าตาเฉย เขาไม่สนใจเสียงเรียกของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าเขาฟังภาษาไทยออก พวกลาร์นาโดทั้งสามคนมีมารดาเป็นคนไทย และเรียนรู้ภาษาแม่ของตัวเองหมดทั้งสามคน เรื่องนี้ใครเขาก็รู้กันทั้งนั้น  แต่หมอนี้กลับทำเหมือนฟังเธอพูดไม่ออก หญิงสาวคิดแล้วกระทืบเท้าไปมาอย่างขัดใจ แต่ก็เอะอะโวยวายได้ไม่นาน พลอยใสก็ต้องตกใจ เมื่อมีบุรุษแต่งสูทหรูเข้ามาแล้วคว้าต้นแขนเธอเอาไว้

เดินตามมา คงได้สนุกแน่แม่หนูท่อน้ำรั่ว เจ้านายฉันบอกให้ลากคอเธอขึ้นไปหา

เจ้านาย? พลอยใสทวนคำคนพูดงงๆ สักพักดวงตากลมโตก็สว่างวาบขึ้น เจ้านายของนายกดลิฟต์ ที่แต่งตัวราวกับนักธุรกิตใหญ่นี้ก็คือ นายธวาธิต ลาร์นาโดนะสิ  ดีเลยโอกาสเป็นของเธอแล้ว  เธอจะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องไปเลย หญิงสาวคิดอย่างพอใจ แล้วสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายทันที  จากนั้นก็เชิดหน้าขึ้น กล่าวไปด้วยสุ่มเสียงไม่ชอบใจ มองอีกฝ่ายด้วยหางตา เลียนแบบสายตานายธวาธิตที่มองเธอเมื่อครู่นี้

ไม่ต้องถึงกับลากคอกันหรอก ฉันไปดีๆ ก็ได้

กล่าวจบพลอยใสก็เดินเชิดหน้านำอีกฝ่ายไปเสียเอง ถึงเธอจะจนแต่ก็หยิ่ง ใครมันมีปัญหากับเธอก็ช่างหัวสิ คิดแล้วก็เดินเข้าไปในลิฟต์ โดยมีอีตาพนักงานนั่นเดินตามมาไม่ห่าง เรียกว่าอยู่ในสายตากันตลอด  สงสัยคงกลัวว่าเธอมีแผนจะมางัดตู้เซฟของที่นี่มั้ง หญิงสาวคิดแล้วก็หน้าตึง เชิดหน้าขึ้นสูง ทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาหมิ่นๆของพนักงานกดลิฟต์

โธ่! พนักงานเสิร์ฟกับคนกดลิฟต์นี่มันแตกต่างสูงส่งกว่ากันขนาดไหนเชียว ลูกน้องยังเท่านี้ แล้วเจ้านายจะขนาดไหน เฮ้อ! คิดแล้วมองจึงเงยหน้าขึ้น มองดูว่าลิฟท์ถึงชั้นไหนแล้ว อดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักการเงินมากความสามารถแห่งปี คิดแล้วเหมือนตัวเองเป็นหนูสกปรก ที่เที่ยวมาวิ่งเผ่นพล่านตามราชวังก็ไม่ปาน

 

พาใครเข้ามา? เสียงถามห้วนจัด ของบุรุษที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องนั้น ทำให้พนักงานกดลิฟต์ ที่เดินนำตนเข้ามาภายในห้องที่ติดฮีทเตอร์อุ่นสบาย มีกลิ่นหอมกรุ่นรวยระรินมาจนหญิงสาวต้องสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปลอด

อ..เอ่อ

เสียงอีตาพนักงานกดลิฟต์อึกๆ อักๆ คงจะหนาวๆร้อนๆกับสายตาเยียบเย็นของเลขาฯ หน้าห้อง แต่หญิงสาวเห็นแล้วกลับเบ้ปากนิดๆไม่สนใจ เธอมองทุกอย่างรอบกายอย่างตื่นตา โอโหพวกลาร์นาโดคงรวยใช่ย่อย ของตกแต่งออฟฟิคนี้สวยแล้วก็คงจะแผงๆทั้งนั้น เธอสะดุดตากับภาพวาดอัศวินขี่ม้าตรงผนังห้อง แต่แล้วก็ต้องไม่สบอารมณ์กับเสียงเลขาฯ

 สกปรก! เหมือนหนูที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาจากท่อน้ำเน่า ขนาดดารานางแบบมาเสนอตัว เจ้านายฉันยังไม่เอาเลย กลับไปได้แล้วนังหนูเหม็น

พลอยใสได้ยินดังนั้นก็เม้มปากแน่น รองแบบนี้จะว่าใครละนอกจากเธอ ก็ผู้หญิงมันมีอยู่คนเดียว หญิงสาวหน้าตึงหันขวับไปต่อตากับเยียบเย็น หยามหยันของอีกฝ่าย

อ้าว พูดให้สวยสิ ใครกันหนูเหม็น

 



[1] มิลาน(มิลาโน)อยู่ทางภาคเหนือของอิตาลี เป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องแฟชั่น และเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจ หลากหลายประเภท

[2] ทีโรลใต้ หรือ เตรนตีโน-อัลโตอาดีเจ เป็นพื้นที่ทางภาคเหนือของอิตาลี เป็นดินแดนที่สวยมาก เพราะมีขุนเขาทอดยาวติดกับออสเตรีย ในช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 เคยตกเป็นของออสเตรียมาก่อน

[3] Signore ซินญอเร มีความหมายว่า คุณผู้ชายหรือนาย  หรือจะใช้ signor ซินญอร์ก็ได้

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share

  ความคิดเห็นเกี่ยวกับ: 444
จำนวนข้อความทั้งหมด:  3
1
แสดงความคิดเห็น
Admin ได้พี่

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 3  « on 16/8/2552 23:56:00 IP : 124.120.61.174 »     Edit Topic
Re: 444
 
ดวงใจโรมนิยายชุด หนึ่งนางกลางใจ อันดับที่ 1 บทนำ บนตัวอาคารสูงนำสมัยในมิลาน[1]ประเทศอิตาลี โรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด นักการเงินชื่อดังและบุตรชายคนโตของคุณเพ็ญแข ลาร์นาโด กับสามีนักธุรกิจชาวอิตาลี นามว่ามอนซา ลาร์นาโด กำลังยืนเด่นเป็นสง่า อยู่ในผ้าสูทเนื้อดีสีดำสนิท เขาดูดีเนียบเฉียบตั้งแต่ศีรษะจรดปรายเท้าทีเดียว ดวงตาคมกริบมองสำรวจไปรอบๆอาณาจักรของตน ดุจสายตาของพญาเหยี่ยวเวหา แต่ทว่าธวาธิตมิใช่เหยี่ยวเวหาหรอก เขาคือตัวอันตรายในด้านธุรกิจการเงินเสียมากกว่า เพราะระหว่างที่เขากุมบังเหียนอยู่นี้ ก็มีบรรดาเหล่านักธุรกิจมากมาย ที่ต้องวิ่งมาสวามิภักดิ์กับเขา มอนซา ลาร์นาโด เป็นนักธุรกิจที่จับอะไรก็มือขึ้น เขามีทั้งกิจการเดินเรือและสถาบันการเงินที่มั่นคง อีกทั้งยังมีไร่ใหญ่อยู่ที่ ทีโรลใต้[2] ซึ่งสิ่งที่มีอยู่นั้นก็ได้ยกให้บุตรชายทั้งสามดูแลอย่างไม่หวงแหน และคนที่เขาไว้ใจและมั่นใจ ให้กุมกิจการทางการเงินมากสุดก็คือบุตรชายคนโต โรมหรือธวาธิต ลาร์นาโดนั้นเอง ในบรรดาบุตรชายทั้งสามนั้น โรมจัดว่าเป็นคนสุขุมและเยือกเย็น่สุด ความคิด สายตา ใบหน้า ทุกอย่างที่เป็นเขานั้นนิ่งสนิทเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ และสำหรับโลกธุรกิจนั้น รู้จักแค่หน้าแต่ไม่ต้องรู้จักใจมากนักก็ดี เพราะฉะนั้นธุรกิจทางการเงิน จึงตกเป็นของธวาธิต ลาร์นาโดโดยที่ไม่มีใครคัดค้านแม้แต่คนเดียวเลย มอนซา ลาร์นาโด รักและตามใจภรรยาชาวไทยของเขามาก เขายอมแม้ไม่ตั้งชื่อลูกเป็นภาษาอิตาเลียน เหตุเพราะภรรยาของเขานั้น ปรารถนาให้บุตรชายทั้งสามคนใช้ชื่อไทยมากกว่า และแน่นอนพนักงานในเครือลาร์นาโดนั้น ไม่จำเป็นต้องหัดพูดภาไทยเหมือนลูกๆเขา และแม้แต่ตัวของเขาเองก็ตามเถอะ แต่ทุกคนจะต้องเรียกชื่อบุตรชายทั้งสามของเขา และภรรยาสุดที่รักด้วยภาษาไทยอย่างถูกต้อง และนี่คือกฎของลาร์นาโด ห้ามเหยียดหยามดูหมิ่นว่าเขามีภรรยาเป็นชาวเอเชีย หรือทำอะไรให้ภรรยาชาวไทยของเขาเจ็บใจ มันอาจจะเป็นกฎบ้าบอไปเสียหน่อย แต่มอนซา ลาร์นาโด ก็อ้างว่าชีวิตของเขาเริ่มต้นจากครอบครัวก่อน ซึ่งจริงๆแล้วเขาจะอ้างยังไงก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว  เนื่องจากอำนาจเงินและอิทธิพลในมือ ที่มีอยู่จนล้นมือนั่นเอง ทำให้ไม่ว่าพวกลาร์นาโดจะทำอะไร มันก็ดูถูกต้องและดีงามไปหมด และขณะนี้บุตรชายคนโตของเขา ธวาธิต ลาร์นาโด หรือโรมกำลังยืนหน้าขรึม ด้วยมาดของนักการเงินทรงประสิทธิภาพ และการเป็นคนที่พูดน้อยแต่คิดหนักนี้เอง ทำให้ธนาธรและธนากร หรือจะเรียกเล่นๆว่ากรุงและกร ซึ่งเป็นน้องชายของเขานั่นเอง มักตั้งฉายาให้ธวาธิตซึ้งเป็นพี่ชายใหญ่ว่าเสือยิ้มยาก แต่จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะ ธวาธิตก็ไม่ชอบยิ้มอยู่ดี เขาคิดว่าชีวิตที่ตลกเฮฮานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เขาอยู่อย่างไม่ยิ้มและไม่มีไมตรีให้ใคร ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนตรงไหน ตรงกันข้ามกลับมีทั้งเศรษฐีใหม่และเก่า วิ่งมาให้เขาช่วยเหลือไม่เว้นแต่ละวัน เขาไม่เคยยิ้มให้คนพวกนั้นเลยสาบานได้ ธวาธิตเพียงแต่ฟังข้อเสนอ พยักหน้าและส่ายหน้าเท่านั้นเอง แต่คนที่มาเจรจากับเขานั้น ก็ไม่มีใครอยากให้เขาส่ายหน้าสักคนหรอก   ธวาธิตเริ่มคิดเตลิดไปไกล และพอรู้ตัวเท่านั้นชายหนุ่มก็รีบดึงสมาธิของตนเอง กลับมาโดยไว นักธุรกิจที่ทรงประสิทธิ์ภาพสูง ไม่ควรเลื่อนลอยปล่อยสมองไปเรื่อยเปื่อย เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้น ชายหนุ่มก็เป็นอย่างนี้ คือฝึกฝนสมาธิและตื่นตัวอยู่เสมอ  ดวงตาคมดุจเหยี่ยวเวหาของธวาธิตนั้น เริ่มสำรวจทุกอย่างรอบกายอีกครั้ง เขาพึงพอใจกับงานเลี้ยงเล็กๆน้อยๆนี้ใช่ย่อย ริมฝีปากยักลึกได้รูปงามนั้นกดลึกที่มุมปาก ยากจะคาดเดาเขาได้จริงๆว่า เขายิ้มหรือหยันกับทุกอย่างรอบกายกันแน่ งานเลี้ยงเอาใจคู่ค้าเพื่อผลกำไรภายภาคหน้า ธุรกิจ  น้ำแข็ง และหน้ากาก ธวาธิตคิดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ไม่มีสัจจะในหมู่โจร พอๆกับไม่มีมิตรแท้ในแวดวงธุรกิจ เงินเท่านั้นคือรางวัลของคนฉลาดและมือยืดยาว ชายหนุ่มกระตุกมุมปากเยาะหยันให้กับความคิดของตนอีกครั้ง แล้วมองสำรวจรอบๆ ห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง ในเครือของลาร์นาโด เพื่อดูความเรียบร้อยของงานให้ถ้วนถี่ เขาชอบความเนี้ยบ และมีระเบียบ และเกลียดคำว่าจุดบกพร่อง ช่องโหว่ง ข้อตำหนิต่างๆ ทันใดนั้นดวงตาคมก็ไปสะดุดกับวัตถุที่ไม่พึงประสงค์บางอย่างเข้า  อ้อ!ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่วัตถุที่ไม่พึงประสงตค์ แต่มันเป็นคน ภัตตาคารบัดซบ ที่เขาเสียเงินจ้างมานี้ เอาเด็กมาเดินเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้าเขาได้ยังไงกัน แม่เด็กหญิงคนนั้นมันอายุเท่าไรกัน ดูจากสรีระแล้วน่าจะ 14-15 ปี ผมดำยาวดำขลับ เหมือนจะเป็นคนเอเชียอย่างเช่นมารดาของเขา แต่ธวาธิตไม่สนใจที่จะเดินไปดูเด็กคนนั้นให้ชัดๆหรอก เพราะเขากำลังอารมณ์เสีย และบอดี้การ์ดคนสนิทของเขาคงจะรู้ดี จึงถามมาหน้าขรึมไม่แพ้เจ้านาย มีอะไรหรือเปล่าครับนาย?เสียงผู้ติดตามร่างยักษ์ถามขึ้น แต่ธวาธิตไม่ตอบ ดวงตาคมยังจ้องไปที่เด็กสาวคนนั้นนิ่ง แต่ก็ไม่เห็นอะไรนัก นอกจากหน้าขาวๆ และผมดำยาวสลวยเป็นมันดำขลับของอีกฝ่าย ทำไมภัตตาคารนี้ จึงเอาเด็กเล็กขนาดนี้มาใช้แรงงานในตอนกลางคืน เห็นที่เขาต้องเรียกมาเตือนเสียแล้ว ว่าอย่าเอาเด็กคนนั้น ขึ้นมาทำงานที่ตึกลาร์นาโดอีกเป็นอันขาด เขาไม่อยากให้พวกคู่ค้าของเขา มองว่า เขาใช้แรงงานเด็ก หรือขี้เหนียวว่าจ้างเด็กมาทำงาน เพราะต้องการจ่ายค่าจ้างถูกๆ ให้ตายเถอะพวกลาร์นาโด ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ลาร์ดาโนไม่ใช่ตัวอะไรต่ออะไรที่มุดอยู่ในรู แต่เป็นอินทรีย์ผงาดฟ้า ทั้งภาพพจน์และภาพจริงต้องเนี้ยบ เฉียบ และดูดีเสมอ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ภัตตาคารที่เขาเป็นลูกค้ามานาน ไม่น่าขาดความรอบคอบ ทำงานเหมือนไม่รู้ใจกันแบบนี้ เพราะสำหรับเขาแล้วนั้น การทำงานที่ดีคือไม่มีช่องโหว่งให้ใครเอาไปตำหนิหรือติดฉินนินทาได้เลย มันสบประมาทกันชัดๆ แม้ใครจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี ไม่รู้ล่ะเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ ให้ผ่านไปอย่างแน่นอน เพราะหากมีเด็กหนีพ่อแม่มาทำงานตอนกลางคืนคนหนึ่งแล้วละก็ พอเห็นว่าเขาไม่ติติงอะไรไปเลย ก็อาจจะมีเพิ่มมาอีกคนสองคนก็ได้ แล้วถ้าหากพ่อแม่เด็กมาโวยวาย เอาบริษัทเขาไปร้องเรียนโยงใยให้เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โต จะทำยังไงละ เขาไม่เอาด้วยหรอก เขาชอบตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ชอบอะไรที่มันสายเกินแก้ ธวาธิตคิดเท่านั้น ก็หันกลับไปทางคนสนิทของตนทันที เมื่อเสียงฝ่ายนั้นดังขึ้นมาด้วยภาษาอิตาเลียน  นายชอบเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือครับ?สิ้นคำถามนั้น ธวาธิตก็มองคนของตัวเองนัยน์ตาดุดัน แล้วถามไปเสียงเยียบเย็นเด็กนั้นกี่ขวบ เปรโก?เขาย้อนถามคนสนิทไป เห็นอีกฝ่ายหน้าเจื่อน แล้วมองไปยังเด็กร่างเล็กๆตัวขาวๆ ที่เห็นกันอยู่ไกลๆ จากนั้นก็ตอบกลับมาแบบไม่กล้าสบตานักผมเห็นไม่ชัดครับ แต่น่าจะประมาณ 13-14 ปีใช่เด็กเล็กๆท่าทางเพิ่งหย่านมได้ไม่กี่วันเองแหละ นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเด็ก ฉันไม่ชอบเด็กพอๆกับไม่ใช่แรงงานเด็ก เพราะฉะนั้นนายไปดูเบอร์พนักงานของเด็กคนนั้น แล้วแจ้งไปทางภัตตาคารทันที ว่าอย่าได้เอาเด็กคนนั้น มาเหยียบที่ลาร์ดาโนอีกเป็นอันขาด เพราะฉันไม่ชอบถ้ามีการฝ่าฝืนคำสั่ง ฉันจะไปใช้บริการภัตตาคารอื่น ธวาธิตกล่าวไปเสียงดุเด็ดขาด ทำให้บอดีการ์ดเขาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบกลับมาสั้นๆครับเจ้านาย บอดี้การ์ดรับคำเท่านั้น ก็ไหว้วานคนให้ไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที อะไรที่ธวาธิตต้องการนั้น จะต้องเร่งทำการทันที เพราะทายาดหมายเลขหนึ่ง ของลาร์ดาโนนั้นเกลียดคำว่าเฉื่อยชา และการทำงานไร้ประสิทธิ์ภาพเป็นที่สุด  บทที่ 1วันนี้บนริมทางเท้าภายใต้อาคารลาร์นาโด ที่แสนหรูหราและโออ่านั้น บัดนี้มีสตรีร่างเล็กบาง ผิวขาวผมยาวดำขลับ กำลังยืนชะเง้อคอมองอาคารสูง ด้วยสายตาโกรธๆดวงตาที่ล้อมรอบด้วยขนตายาวงอน เป็นประกายวับวาวอย่างแค้นใจ ส่วนใบหน้านวลขาวนั้น ก็เลอะเทอะมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตา ใครมองก็รู้เลยว่าหล่อนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ เพราะขอบตากลมโตคู่นั้นมันยังแดงๆอยู่เลย หน้าก็แดง ปากก็แดง จมูกก็แดง  เรียกสายตาของใครต่อใครให้มองมา  ด้วยความสงสัยว่าสตรีร่างเล็ก หน้าตาราวตุ๊กตาญี่ปุ่นมอมแมมผู้นี้ มาทำอะไรที่หน้าตึกใหญ่อย่างลาร์ดาโนกันหนอ เพราะดูจากการแต่งตัวด้วยเสื้อโคสสีมอๆ แล้ว มั่นใจได้เลยว่า คงไม่ได้มาติดต่อด้านธุรกิจอย่างแน่นอน ด้วยความที่ตัวเล็กต่างจากคนยุโรปส่วนใหญ่ พร้อมกิริยาชะเง้อชะแง้คอมองตึกสูงจนคอตั้งนั้น ทำให้คนผ่านไปมามองมาที่หญิงสาวเป็นจุดเดียว คนแล้วคนเล่าต่างสงสัย และสงสายตาเวทนามาให้ แต่พลอยใสไม่รู้ตัวหรอก ว่าสภาพของตัวเองนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเธอกำลังโกรธและโกรธ แล้วก็โกรธอีตาโรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด นักการเงินใจร้ายเหี้ยมโหดคนนั้น บุรุษที่ใครต่อใครลือกันนักหนาว่าหน้าเลือด  พลอยใสคิดถึงบุรุษที่ชื่อธวาธิตอย่างเดือดดาน เพียงค่ำคืนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง เมื่อเธอมาเยือนตึกอันหรูหราของเขา แถมไม่ได้มาอย่างทรงเกียรติอะไรหรอก เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น เธอมาทำงานเสิรฟ์นอกสถานที่  แล้วนายธวาธิตก็ทำเธอแทบกระอักเลือดตาย เธอมาทำงานของเธอดีๆ แท้ๆ แต่สุดท้ายกลับต้องถูกไล่ออก แล้วทีนี้หญิงสาวจะเอาอะไรกินเข้าไปล่ะ?พลอยใสคิดอย่างแค้นใจผู้ชายที่ชื่อโรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด หล่อนเห็นเขาเมื่อคืนวานนี้ไกลๆ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาเอาการทีเดียว นั้นก็คงเป็นเพราะมีสองสายเลือด ผสมกันอยู่ในตัวนั้นเอง แต่ถึงจะดูหล่อขนาดไหน ก็พอมองออกว่าเป็นคนใจร้าย มาดเขานิ่งมาก ดวงตาคมเฉี่ยวนั้นบอกเลยว่า เป็นคนเลือดเย็น แล้วเขาก็เลือดเย็นจริงๆ เพียงแค่เห็นเธอเกะกะตา บนที่ทำงานของเขาเท่านั้น อยู่ๆก็มาไม่ชอบใจเธอโดยไม่มีเหตุผล เล่นร้องเรียนไปยังที่ภัตตาคารสาขาใหญ่ บอกว่าไม่ให้เธอขึ้นไปเสนอหน้าบนที่ทำงานของเขาอีก จนผู้จัดการสาขาที่เธอทำประจำอยู่ ถึงกับโกรธจัดจนไล่เธอออก ด้วยเหตุผลที่ว่าทำให้ลูกค้าคนพิเศษ อย่างเขาไม่ชอบใจ คนใจร้าย คอยดูสิเขาจะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ หญิงสาวคิดแล้วก็พาร่างบาง ซึ่งสวมชุดแสนจะเก่าปอนนั้น เข้าไปในตัวอาคารหรูหราใจกลางเมืองมิลาน  ของตระกูลลาร์ดาโนทันที ไม่ได้หยุดคิดเลยว่า มันดูไม่เข้ากันเลยสักนิด จะมาหาใคร?เสียงถามพร้อมกับบุรุษร่างใหญ่  แต่งสูทสากลหรูหรา ทำหน้าที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ของลาร์นาโดดังขึ้น ดวงตาสีเขียวมองพลอยใสเขม็ง ทำราวกับว่าหญิงสาวเป็นตัวเม่นพิษ หรือกำลังจะบุกมาก่อการร้าย ที่สถาบันการเงินลาร์ดาโนอย่างนั้นแหละฉันมาหาซินญอเร[3]ธวาธิต ลาร์นาโดพลอยใสเชิดหน้าตอบอิตาเลียนกลับไป เพราะคิดว่าเขาจงใจถามเธอภาษานี้ เหมือนกับดูถูกกันนิดว่าเธอฟังไม่ออก แต่พอตอบไปแล้วก็ต้องโกรธเอง เมื่อเขากวาดตามองมานิ่ง แล้วกล่าวเสียงหยามหยัน ทำราวกับเธอเป็นพวกสัตว์เลื่อยคลานข้างถนน ทั้งๆที่อีตาคนเฝ้าประตูนี้ มันก็ชนชั้นเดียวกับเธอแท้ๆ เพียงแค่ได้มาทำงานที่ตึกลาร์นาโดหน่อยทำเป็นยืด เชอะ! หญิงสาวหน้าตึง เมื่ออีกฝ่ายปฎิเสธตนกลับมา อย่างไม่ลังเลสักนิดเลยเสียใจด้วยซินญอร์ธวาธิต ลาร์นาโด ไม่ออกมาคนเก็บขยะอย่างเธอหรอก มาทางไหนไปทางนั้นเลยไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ใครจะมาเดินเล่นได้ง่ายๆ เป็นที่ทีเขามาติดต่อเรื่องงานกันโอ๊ย! ปล่อยนะ หญิงสาวตะโกนออกไปอย่างโกรธๆ ทั้งดิ้นทั้งสะบัดตัวหนีเป็นพัลวัล เมื่อคนเฝ้าประตูของลาร์นาโด หิ้วปีกตนออกมาจากตึกอย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นเขาก็จับเธอโยนลงไปที่ริมฟุตบาท ทำราวกับเธอเป็นถุงขยะอย่างนั้นแหละ หญิงสาวนี่โกรธจัดเงยหน้าขึ้นหมายจะด่า แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าถมึงทึง ด่าขึ้นมาเสียก่อนกลับไปได้เลย เจ้านายฉันไม่สนใจเธอหรอก นังผู้หญิงขายตัว!”พลอยใสอ้าปากค้างไปเลย เมื่อถูกด่าแบบนั้น หลังจากนั้นไอ้คนที่มันด่าเธอ ก็เดินไปยืนทำหน้าที่ของตัวเอง ต่อที่หน้าประตู และด้วยความโมโหนี่เอง หญิงสาวจึงตะโกนโต้กลับไปบ้างไอ้หมาเฝ้าตึก ทุเรศที่สุด รังแกผู้หญิงแต่พอตะโกนไปแล้วก็ต้องคอย่น เมื่อมันมองมาตาลุกนังโสเภณี! กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะหั่นเธอเป็นชิ้นๆ วันๆ พวกเธอเดินเข้ามาขอพบเจ้านายฉัน กี่คนต่อกี่คนก็ไม่รู้ มาที่ไรก็ถูกจับโยนออกไป เหมือนเศษขยะเหม็นๆทุกที กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเข็ดกันเสียงคนเฝ้าประตูกล่าวมาอย่างเดือดดาน และมองเธอตาขวางๆ พลอยใสก็เชิดหน้าต่อตาไม่ยอมแพ้ สักพักมันก็หรี่ตาลงมองเธอสายตาดูแคลน แล้วกล่าวออกมาเสียงเย้ยหยันแกมรู้ทัน หน้าโง่ คิดหรือยังไงว่า ฉันจะรู้ไม่ทันพวกเธอ นายฉันไม่มองโสเภณีชั้นต่ำหรอก อย่ามาเสียเวลาไปขายตัวให้พวกวัยรุ่นชอบขับรถซิ่งไปไอ้หมูสกปรก!” หญิงสาวตะโกนด่ามันอีกหน โมโหที่มันหาว่าเธอเป็นโสเภณี แต่คราวนี้มันไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว พลอยใสจึงลุกขึ้นยืนปัดเนื้อปัดตัว หญิงสาวหน้าเหยปวดแปลบที่บริเวณสะโพก ก็เธอถูกเหวี่ยงออกมาใช้เบาเสียเมื่อไรกัน หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก แล้วมองก้มลงสำรวจตัวเองดูว่า เธอนั้นแต่งกายตรงส่วนไหน ที่มันดูเหมือนกับโสเภณีบ้าง ทุกอย่างก็มิดชิดดี กางเกงยีนเก่าปอนขายาว เสื้อยืดสวมทับด้วยโคสสีมอๆด้วยซ้ำไป   ไม่เห็นส่วนไหนโชว์เนื้อหนังมังสาสักนิด คิดแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่น  เชอะ! อีตาคนเฝ้าประตูจิตลามก คิดอกุศล คนมาขายตัวเขาซอมซ่อแบบเธอกันหรือ มีแต่จะทำให้สวยใส่น้ำหอมแพงๆ หญิงสาวบ่นออกมาหน้าตึง และที่พลอยใสคิดแบบนี้ก็เพราะเธอไม่รู้มาก่อนว่า ผู้หญิงที่เข้าหาธวาธิตนั้นมีร้อยแปดวิธี จนคนของเขาเอือมที่จะสกัดกั้นแล้ว เบื่อขึ้นมาก็หิวปีกจับโยนออกไป เหมือนกับที่เธอโดนอยู่นี่แหละ หญิงสาวค่อนอีตานั้นเสร็จก็ ลุกขึ้นอย่างท้อแท้ ปากก็บ่นกระปอดกระแปด ค้อนลมแร้งไปตามเรื่องโธ่เอ่ย คนหาเช้ากินค่ำเหมือนกันแท้ๆ กับไม่เห็นใจถามไถ่สักนิด  อ้าปากพูดไปได้ไม่กี่คำก็จับโยนออกมาเสียแล้ว อู้ย!เจ็บสะโพกชะมัดหญิงสาวกล่าวพร้อมทำหน้านิ่ว แต่สมองก็ยังไม่หยุดคิด ว่าตนจะเข้าพบธวาธิตได้อย่างไร  เธอต้องการคำอธิบายจากธวาธิตว่า เธอทำอะไรผิดหรือ และพลอยใสได้ไปล่วงเกิน ทำอะไรขัดหูขัดตาอะไรเขาเข้า จึงได้ร้องเรียนไป จนหญิงสาวถูกไล่ออกแบบนี้ พลอยใสคิดอย่างกลุ้มๆ นี่ถ้าเธอไม่ได้งานภายในอาทิตย์นี้ วินซาโตพ่อเลี้ยงที่หอบหิ้วเธอและมารดามาอยู่อิตาลีนั้น ต้องบ่นหูจมแน่ๆ เผลอๆ ก็จะพาลกับมารดาเธออีก คิดแล้วก็ยิ่งกลุ้มใครว่าคนไทยได้สามีฝรั่งดี วินซาโตบิดาเลี้ยงเธอนี่แมงดาชัดๆ ตอนไปเที่ยวเมืองไทยทำตัวหรูหรา ใช้เงินเป็นว่าเล่น ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เอาใจสารพัด จนแม่เธอหลงกลยอมแต่งงานด้วย แต่พอเขาพาเธอและมารดามาอยู่อิตาลีเท่านั้น ก็เริ่มปฏิบัติกับเธอและมารดาเยี่ยงทาส แม่เธอต้องไปทำงานโรงงานผลิตของชำร่วย ไม่ค่อยได้มีเวลาพัก ต่อมาอีกสองปีได้เธอก็ต้องทำงานห้องอาหาร ทั้งที่มันเป็นวัยเรียน ส่วนวินซาโตนะหรือ เขาก็ใช้เงินจิบไวน์นั่งสบายอยู่ที่บ้าน ให้เธอและมารดาหาเลี้ยงตัวเองแล้วไอ้โรงงานผลิตของเล่นอะไรๆ ที่เขาคุยเอาไว้ตอนไปเที่ยวเมืองไทยน่ะ ก็โม้ทั้งนั้น หญิงสาวคิดอย่างแค้นๆ บิดาเลี้ยง เพราะนอกจากเขาจะใช้งานเธอแล้ว หลังๆ มายังชอบมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ยิ่งเวลาไหนที่มารดาไปทำงานด้วยแล้ว มักมองเธอด้วยสายตาโลมลูบ หาทางเข้าใกล้เธอเสมอ หนักเข้าพลอยใสก็ออกมาอยู่อพาร์ตเม้นต์กับเพื่อนเสียเลย เพื่อตัดปัญหาพลอยใสคิดแล้วถอนใจ ครั้นจะบอกมารดาก็เกรงว่าท่านจะไม่สบายใจ จึงจำต้องกัดฟันทนเอา คิดแล้วเจ็บใจผู้ชายพวกนี้นัก วินซาโตก็เลว ธวาธิตก็ใจร้าย เธอขอสาปส่งสองคนนี้ให้ลงนรกไปเลย โดยเฉพาะธวาธิตรู้จักกันก็ไม่รู้จัก เขาก็ยังกลั่นแกล้งเธอ ใช้สิทธิของลูกค้ารายใหญ่ให้เจ้านายไล่เธอออก ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ พลอยใสมองตึกใหญ่โตอีกครั้งแล้วกัดฟันกรอดอย่าให้เจอนะนายธวาธิต ฉันไม่กลัวนายหรอก คนบ้า! คิดว่ามีเงินแล้วก็จะรังแกใครก็ได้อย่างนั้นหรือหญิงสาวบ่นไปเดินไปตามริมทางเท้า ต่อมาสายตาก็แฉลบไปเห็นรถลีมูซีนสีดำมันปลาบวิ่งผ่านสายตาไป แต่บุคคลที่อยู่ด้านหลังนั่นสิ ธวาธิต ลาร์นาโด เธอจำเขาได้ บุรุษที่มีบุคลิกเย่อหยิ่งยโส มองคนอื่นด้วยหางตา พอรถเขาเลยผ่านไป และวิ่งเข้าตัวตึกซึ่งแน่นอนว่าเป็นลานจอดรถอย่างไม่ต้องสงสัย เท้าของพลอยใสก็ไวเท่าความคิด หญิงสาวรีบวิ่งไปทันที เธอต้องพบเขาให้ได้ อย่างน้อยเธอต้องรู้ว่าเหตุใด ตัวเองถึงถูกไล่ออกจากงาน เธอทำผิดอะไรเขาจึงไม่พอใจแบบนี้ แล้วถ้าเขายังมีความเมตตาบ้าง หญิงสาวก็จะขอให้เขาบอกเจ้านายของเธอ ให้รับตนเองเข้าทำงานอีกครั้ง อย่างน้อยเขาน่าจะคิดได้บ้าง เพราะตัวเองก็มีสายเลือดไทยอยู่ในตัว เหมือนๆกันกับเธอตั้งครึ่งหนึ่ง พลอยใสจะต้องเจรจากับเขาให้ได้ งานเดี๋ยวนี้ใช่หาได้ง่ายๆ ขณะที่พลอยใสกำลังหาทางเล็ดลอด เข้าไปยังลานจอดรถของตึกลาร์นาโดอยู่นั้น ร่างสูงในชุดสูทสากลสีดำหรู กำลังก่าวลงมาจากลีมูซีนด้วยท่วงท่าสง่างาม และพอเขายืดตัวเต็มความสูงได้เท่านั้น ธวาธิต ลาร์นาโด ก็กวาดตามองทุกอย่างรอบกาย ด้วยสายตาเรียบสงบและเยียบเย็น เกินที่ผู้คนจะคาดเดาได้ว่า เขาอยู่ในอารมณ์ไหน สำหรับการทำงานในเช้าวันนี้  ตลอดทางที่เขาเดินไป ผ่านคนเฝ้ารถของบริษัทที่แต่งกายด้วยสูทหรู สำหรับธวาธิตแล้วทุกอย่างต้องดูดีเสมอ พนักงานชาวอิตาเลียน โค้งให้เขาอย่างสุภาพ ทั่วทุกคนที่เขาเดินผ่าน แต่ผู้เป็นนายก็หาสนใจไม่ นิ่งเหมือนมองไม่เห็นหัวใคร และนี่คือนิสัยของเขา โรมมองไปรอบๆ สถาบันการเงิน ที่เขากุมบังเหียนอยู่อย่างพอใจ ทุกอย่างสะอาด ดูดี เนี้ยบ สมเป็นสถาบันการเงินอันดับหนึ่ง ใครเข้ามาติดต่อก็ไม่อาย พนักงานเขาทุกคนแต่งตัวโก้หรู ไม่มีพวกหนูสกปรกที่อยู่ตามท่อน้ำมาวิ่งพล่านให้เกะกะตา เพราะทุกคนที่เข้ามาขอกู้เงินนั้นต่างดูดีมีระดับ มีกิจการใหญ่โตทั้งสิ้น โรมคิดแล้วเดินบ่าตั้งหลังตรง ไปยังลิฟต์เฉพาะส่วนของผู้บริหาร พนักงานหน้าลิฟต์ที่แต่งสูทหรูไม่แพ้คนอื่นๆ โค้งให้เขาอย่างสวยงาม สมกับที่อบรมมาเป็นแรมเดือน ก่อนให้ทำงานจริงๆ ทุกอย่างสำหรับเช้าวันนี้ ราบรื่นเป็นปกติดี แต่พอลิฟต์เปิดและเขากำลังก้าวขาไปเท่านั้นก็ต้องชะงัก หยุดก่อน!”เสียงนั้นทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมุ่น โรมยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟต์ แปลกว่าผู้หญิงที่ไหนตะโกนออกมาเป็นภาษาไทย ดังลั่นลานจอดรถของเขาไปหมด แถมสำเนียงไทยฟังชัดเจนทีเดียว ว่านั่นคือคำสั่ง ไม่ใช่การขอร้องวิงวอน และคนอย่างโรมหรือธวาธิต ก็ไม่ชอบให้ใครมาสั่งเสียด้วยสิ   คิดได้เท่านั้นก็กัดฟันกรอดดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวเวหานั้นลุกวาวอย่างไม่พอใจ หันไปยังที่มาของเสียงทันที แล้วก็เห็นสตรีผู้นางหนึ่งอยู่ไกลนักร่างหล่อนเล็กบางต่างจากสาวๆแถบนี้นัก ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันสนิทนึกตำหนิในใจว่าใครปล่อยแม่หนูสกปรกคนนี้ มาวิ่งเพ่นพ่านในสถาบันการเงินเขากัน หล่อนวิ่งผ่านพนักงานเขามาได้ยังไง จะมาเสนอขายตัวให้เขา แบบที่ผ่านมาอีกแล้วหรือ? จะมาเสนอทั้งที่ทำไมไม่รู้จักล้างคราบโคลน จากท่อน้ำเน่าออกเสียเลย ให้ตายสิ! พวกโสเภณีนี้น่ารำคาญที่สุด มาปั่นป่วนเขาให้เสียอารมณ์แต่เช้าเลย พวกนี้ขยันสังเกตดีจริงๆว่าเขาจะเข้าจะออกเวลาไหน เมื่อรู้ว่าจะมีผู้หญิงมาเสนอตัวให้แต่เช้า ธวาธิตเลยไม่สนใจ รีบกล่าวเข้าไปในลิฟท์ทันที แต่แล้วก็ต้องเม้มปากแน่น เมื่อหล่อนสั่งมาอีกหนอย่าเพิ่งไปเสียงหล่อนยังดังขึ้นพร้อมกับวิ่งกระหืดกระหอบมา อวดดี! โรมคิดอย่างไม่ชอบใจ แม่หนูสกปรกนี่กำลังสั่งใครอยู่ นอกจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่นี่มีใครฟังภาษาไทยออกบ้าง หล่อนจะมาขายตัวให้เขา อย่างน้อยก็คงรู้มาว่า เขาเข้าใจภาษาไทยและพูดไทยได้ ราวกับคนอยู่เมืองไทยมาแต่เล็กเชียว  และหล่อนก็จงใจสั่งเขาด้วยภาษาไทย โรมคิดและบอกตัวเองเสร็จสรรพ เท่านั้นเองดวงหน้าคมสันก็บึ้งตึง เขาหันกลับไปมองเจ้าหน้าที่กดลิฟต์ แล้วเอ่ยไปเสียงแข็งๆลากแม่หนูจากท่อน้ำรั่วที่ตะโกนเอะอะโวยวายอยู่นั้น ให้ตามฉันขึ้นไปด้วยกล่าวเท่านั้นธวาธิต ก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที โดยมีพนักงานคอยกดปิดให้ และขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดอยู่นั้น หน้าคมของหนุ่มลูกผสมก็บึ้งตึงอีกครั้ง เมื่อแม่หนูที่โผล่มาจากท่อน้ำรั่ววี้ดออกมาใส่เขา อย่างไม่เกรงใจเลยว่าใครเป็นเจ้าของตึกอย่านะนายธวาธิต ไอ้คนเฮงซวย! จะหนีไปไหน ฉันมีเรื่องสำคัญมากนะ ไอ้...ก่อนที่เขาจะได้ยินวาจาแสบสันต์ ของพวกชนชั้นท่อน้ำรั่วมากไปกว่านี้ ประตูก็ปิดลงเสียก่อน ร่างสูงที่อยู่ในลิฟต์กำหมัดแน่น เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาเลยสักคน แต่ผู้หญิงขายตัวคนนั้น มาขึ้นไอ้กับเขาเขียวหรือ  บังอาจมากไปแล้ว ตัวเองมีอะไรดี นุ่งผ้าขี้ริ้ววิ่งเข้ามาในสถาบันการเงินชั้นนำของเขา แล้วยังมาขึ้นไอ้นั่นไอ้นี่กับเขา คิดว่าเขาไม่สันทัดภาษาไทยหรือยังไงกัน หล่อนนึกจะพ่นอะไรออกมาก็พ่นไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวรู้สึก! เปํนผู้หญิงไทยแล้วยังไง เขาจะสนหรือ ในเมื่อผู้หญิงมีเข้ามามากหน้าหลายดาไม่เคยขาด อยู่นี่ใช่จะอดสตรีไทยที่ไหนกัน สาวเอเชียเพียงแค่ออกปาก คนของเขา ก็เอาไปประเคนให้ถึงอพาร์ตเมนต์หรู ที่เขาซื้อไว้สำหรับใช้ทำกิจกรรมแบบนี้โดยเฉพาะ คนอย่างธวาธิตไม่มีเที่ยวไปเพ่นพ่านตามโรงแรม ให้ใครครหาหรือเอาไปลือกันสนุกปากแน่ เขาทำทุกอย่างระวังเสมอ ไม่อย่างนั้น คงไม่อยู่ด้วยภาพพจน์เลิศหรูแบบทุกวันนี้ ไม่ใช่น้องชายสองคนของเขา ที่ขยันเป็นข่าวจนบิดามารดาปวดหัว เขาเป็นพี่ชายใหญ่จะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ภาพพจน์ของนักการเงินต้องดูดีน่าศรัทธาเสมอ ธวาธิตคิดแล้วเดินบ่าตั้งหลังตรงไว้สง่าอีกครั้ง เมื่อถึงชั้นของตนจึงก้าวออกไปยังพื้นพรมหรู ท่ามกลางสายตาเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหาร และเพียงเขาตวัดสายตาคมไปยังทิศใด ทุกคนก็ก้มหน้าหัวหดกันเป็นรายๆไป ไอ้คนบ้า! อย่าหนีสิ ทำกับฉันถึงขนาดนี้ แล้วหนีกันง่ายๆได้ยังไงบัดซบจริงๆเลยนายธวาธิตไอ้คนเห็นซวย ฉันไม่ใช่พวกสักว์ที่อยู่ตามพื้นดินนะ ถึงมองด้วยหางตาแล้วเดินหนีไปแบบนี้ ฉันรู้นะนายฟังภาษาไทยออก ไอ้คนเฮงซวยคงจะคุยแต่เรื่องเงินเป็นอย่างเดียวสินะ เรื่องอื่นไม่สนใจเลย โธ่!แล้วฉันจะทำยังไงละทีนี้พลอยใสบ่นออกไปอย่างแค้นๆ เมื่อคนบ้าหัวหดนั่น เดินหายลับไปในลิฟต์หน้าตาเฉย เขาไม่สนใจเสียงเรียกของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าเขาฟังภาษาไทยออก พวกลาร์นาโดทั้งสามคนมีมารดาเป็นคนไทย และเรียนรู้ภาษาแม่ของตัวเองหมดทั้งสามคน เรื่องนี้ใครเขาก็รู้กันทั้งนั้น  แต่หมอนี้กลับทำเหมือนฟังเธอพูดไม่ออก หญิงสาวคิดแล้วกระทืบเท้าไปมาอย่างขัดใจ แต่ก็เอะอะโวยวายได้ไม่นาน พลอยใสก็ต้องตกใจ เมื่อมีบุรุษแต่งสูทหรูเข้ามาแล้วคว้าต้นแขนเธอเอาไว้เดินตามมา คงได้สนุกแน่แม่หนูท่อน้ำรั่ว เจ้านายฉันบอกให้ลากคอเธอขึ้นไปหาเจ้านาย? พลอยใสทวนคำคนพูดงงๆ สักพักดวงตากลมโตก็สว่างวาบขึ้น เจ้านายของนายกดลิฟต์ ที่แต่งตัวราวกับนักธุรกิตใหญ่นี้ก็คือ นายธวาธิต ลาร์นาโดนะสิ  ดีเลยโอกาสเป็นของเธอแล้ว  เธอจะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องไปเลย หญิงสาวคิดอย่างพอใจ แล้วสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายทันที  จากนั้นก็เชิดหน้าขึ้น กล่าวไปด้วยสุ่มเสียงไม่ชอบใจ มองอีกฝ่ายด้วยหางตา เลียนแบบสายตานายธวาธิตที่มองเธอเมื่อครู่นี้ไม่ต้องถึงกับลากคอกันหรอก ฉันไปดีๆ ก็ได้กล่าวจบพลอยใสก็เดินเชิดหน้านำอีกฝ่ายไปเสียเอง ถึงเธอจะจนแต่ก็หยิ่ง ใครมันมีปัญหากับเธอก็ช่างหัวสิ คิดแล้วก็เดินเข้าไปในลิฟต์ โดยมีอีตาพนักงานนั่นเดินตามมาไม่ห่าง เรียกว่าอยู่ในสายตากันตลอด  สงสัยคงกลัวว่าเธอมีแผนจะมางัดตู้เซฟของที่นี่มั้ง หญิงสาวคิดแล้วก็หน้าตึง เชิดหน้าขึ้นสูง ทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาหมิ่นๆของพนักงานกดลิฟต์ โธ่! พนักงานเสิร์ฟกับคนกดลิฟต์นี่มันแตกต่างสูงส่งกว่ากันขนาดไหนเชียว ลูกน้องยังเท่านี้ แล้วเจ้านายจะขนาดไหน เฮ้อ! คิดแล้วมองจึงเงยหน้าขึ้น มองดูว่าลิฟท์ถึงชั้นไหนแล้ว อดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักการเงินมากความสามารถแห่งปี คิดแล้วเหมือนตัวเองเป็นหนูสกปรก ที่เที่ยวมาวิ่งเผ่นพล่านตามราชวังก็ไม่ปาน พาใครเข้ามา? เสียงถามห้วนจัด ของบุรุษที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องนั้น ทำให้พนักงานกดลิฟต์ ที่เดินนำตนเข้ามาภายในห้องที่ติดฮีทเตอร์อุ่นสบาย มีกลิ่นหอมกรุ่นรวยระรินมาจนหญิงสาวต้องสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปลอด อ..เอ่อเสียงอีตาพนักงานกดลิฟต์อึกๆ อักๆ คงจะหนาวๆร้อนๆกับสายตาเยียบเย็นของเลขาฯ หน้าห้อง แต่หญิงสาวเห็นแล้วกลับเบ้ปากนิดๆไม่สนใจ เธอมองทุกอย่างรอบกายอย่างตื่นตา โอโหพวกลาร์นาโดคงรวยใช่ย่อย ของตกแต่งออฟฟิคนี้สวยแล้วก็คงจะแผงๆทั้งนั้น เธอสะดุดตากับภาพวาดอัศวินขี่ม้าตรงผนังห้อง แต่แล้วก็ต้องไม่สบอารมณ์กับเสียงเลขาฯ สกปรก! เหมือนหนูที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาจากท่อน้ำเน่า ขนาดดารานางแบบมาเสนอตัว เจ้านายฉันยังไม่เอาเลย กลับไปได้แล้วนังหนูเหม็นพลอยใสได้ยินดังนั้นก็เม้มปากแน่น รองแบบนี้จะว่าใครละนอกจากเธอ ก็ผู้หญิงมันมีอยู่คนเดียว หญิงสาวหน้าตึงหันขวับไปต่อตากับเยียบเย็น หยามหยันของอีกฝ่ายอ้าว พูดให้สวยสิ ใครกันหนูเหม็น 


[1] มิลาน(มิลาโน)อยู่ทางภาคเหนือของอิตาลี เป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องแฟชั่น และเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจ หลากหลายประเภท
[2] ทีโรลใต้ หรือ เตรนตีโน-อัลโตอาดีเจ เป็นพื้นที่ทางภาคเหนือของอิตาลี เป็นดินแดนที่สวยมาก เพราะมีขุนเขาทอดยาวติดกับออสเตรีย ในช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 เคยตกเป็นของออสเตรียมาก่อน
[3] Signore ซินญอเร มีความหมายว่า คุณผู้ชายหรือนาย  หรือจะใช้ signor ซินญอร์ก็ได้
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
333

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 2  « on 16/8/2552 23:09:00 IP : 124.120.61.174 »     Edit Topic
Re: 444
 

ดวงใจโรม

นิยายชุด หนึ่งนางกลางใจ อันดับที่ 1

 

บทนำ

 

บนตัวอาคารสูงนำสมัยในมิลาน[1]ประเทศอิตาลี โรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด นักการเงินชื่อดังและบุตรชายคนโตของคุณเพ็ญแข ลาร์นาโด กับสามีนักธุรกิจชาวอิตาลี นามว่ามอนซา ลาร์นาโด กำลังยืนเด่นเป็นสง่า อยู่ในผ้าสูทเนื้อดีสีดำสนิท เขาดูดีเนียบเฉียบตั้งแต่ศีรษะจรดปรายเท้าทีเดียว ดวงตาคมกริบมองสำรวจไปรอบๆอาณาจักรของตน ดุจสายตาของพญาเหยี่ยวเวหา

แต่ทว่าธวาธิตมิใช่เหยี่ยวเวหาหรอก เขาคือตัวอันตรายในด้านธุรกิจการเงินเสียมากกว่า เพราะระหว่างที่เขากุมบังเหียนอยู่นี้ ก็มีบรรดาเหล่านักธุรกิจมากมาย ที่ต้องวิ่งมาสวามิภักดิ์กับเขา มอนซา ลาร์นาโด เป็นนักธุรกิจที่จับอะไรก็มือขึ้น เขามีทั้งกิจการเดินเรือและสถาบันการเงินที่มั่นคง อีกทั้งยังมีไร่ใหญ่อยู่ที่ ทีโรลใต้[2] ซึ่งสิ่งที่มีอยู่นั้นก็ได้ยกให้บุตรชายทั้งสามดูแลอย่างไม่หวงแหน และคนที่เขาไว้ใจและมั่นใจ ให้กุมกิจการทางการเงินมากสุดก็คือบุตรชายคนโต

 โรมหรือธวาธิต ลาร์นาโดนั้นเอง ในบรรดาบุตรชายทั้งสามนั้น โรมจัดว่าเป็นคนสุขุมและเยือกเย็น่สุด ความคิด สายตา ใบหน้า ทุกอย่างที่เป็นเขานั้นนิ่งสนิทเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ และสำหรับโลกธุรกิจนั้น รู้จักแค่หน้าแต่ไม่ต้องรู้จักใจมากนักก็ดี เพราะฉะนั้นธุรกิจทางการเงิน จึงตกเป็นของธวาธิต ลาร์นาโดโดยที่ไม่มีใครคัดค้านแม้แต่คนเดียวเลย

มอนซา ลาร์นาโด รักและตามใจภรรยาชาวไทยของเขามาก เขายอมแม้ไม่ตั้งชื่อลูกเป็นภาษาอิตาเลียน เหตุเพราะภรรยาของเขานั้น ปรารถนาให้บุตรชายทั้งสามคนใช้ชื่อไทยมากกว่า และแน่นอนพนักงานในเครือลาร์นาโดนั้น ไม่จำเป็นต้องหัดพูดภาไทยเหมือนลูกๆเขา และแม้แต่ตัวของเขาเองก็ตามเถอะ แต่ทุกคนจะต้องเรียกชื่อบุตรชายทั้งสามของเขา และภรรยาสุดที่รักด้วยภาษาไทยอย่างถูกต้อง

 และนี่คือกฎของลาร์นาโด ห้ามเหยียดหยามดูหมิ่นว่าเขามีภรรยาเป็นชาวเอเชีย หรือทำอะไรให้ภรรยาชาวไทยของเขาเจ็บใจ มันอาจจะเป็นกฎบ้าบอไปเสียหน่อย แต่มอนซา ลาร์นาโด ก็อ้างว่าชีวิตของเขาเริ่มต้นจากครอบครัวก่อน ซึ่งจริงๆแล้วเขาจะอ้างยังไงก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว  เนื่องจากอำนาจเงินและอิทธิพลในมือ ที่มีอยู่จนล้นมือนั่นเอง ทำให้ไม่ว่าพวกลาร์นาโดจะทำอะไร มันก็ดูถูกต้องและดีงามไปหมด

 

และขณะนี้บุตรชายคนโตของเขา ธวาธิต ลาร์นาโด หรือโรมกำลังยืนหน้าขรึม ด้วยมาดของนักการเงินทรงประสิทธิภาพ และการเป็นคนที่พูดน้อยแต่คิดหนักนี้เอง ทำให้ธนาธรและธนากร หรือจะเรียกเล่นๆว่ากรุงและกร ซึ่งเป็นน้องชายของเขานั่นเอง มักตั้งฉายาให้ธวาธิตซึ้งเป็นพี่ชายใหญ่ว่าเสือยิ้มยาก แต่จะเรียกอะไรก็ช่างเถอะ ธวาธิตก็ไม่ชอบยิ้มอยู่ดี เขาคิดว่าชีวิตที่ตลกเฮฮานั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เขาอยู่อย่างไม่ยิ้มและไม่มีไมตรีให้ใคร ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนตรงไหน ตรงกันข้ามกลับมีทั้งเศรษฐีใหม่และเก่า วิ่งมาให้เขาช่วยเหลือไม่เว้นแต่ละวัน เขาไม่เคยยิ้มให้คนพวกนั้นเลยสาบานได้ ธวาธิตเพียงแต่ฟังข้อเสนอ พยักหน้าและส่ายหน้าเท่านั้นเอง แต่คนที่มาเจรจากับเขานั้น ก็ไม่มีใครอยากให้เขาส่ายหน้าสักคนหรอก  

ธวาธิตเริ่มคิดเตลิดไปไกล และพอรู้ตัวเท่านั้นชายหนุ่มก็รีบดึงสมาธิของตนเอง กลับมาโดยไว นักธุรกิจที่ทรงประสิทธิ์ภาพสูง ไม่ควรเลื่อนลอยปล่อยสมองไปเรื่อยเปื่อย เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้น ชายหนุ่มก็เป็นอย่างนี้ คือฝึกฝนสมาธิและตื่นตัวอยู่เสมอ  ดวงตาคมดุจเหยี่ยวเวหาของธวาธิตนั้น เริ่มสำรวจทุกอย่างรอบกายอีกครั้ง เขาพึงพอใจกับงานเลี้ยงเล็กๆน้อยๆนี้ใช่ย่อย ริมฝีปากยักลึกได้รูปงามนั้นกดลึกที่มุมปาก ยากจะคาดเดาเขาได้จริงๆว่า เขายิ้มหรือหยันกับทุกอย่างรอบกายกันแน่ งานเลี้ยงเอาใจคู่ค้าเพื่อผลกำไรภายภาคหน้า ธุรกิจ  น้ำแข็ง และหน้ากาก ธวาธิตคิดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ไม่มีสัจจะในหมู่โจร พอๆกับไม่มีมิตรแท้ในแวดวงธุรกิจ เงินเท่านั้นคือรางวัลของคนฉลาดและมือยืดยาว

ชายหนุ่มกระตุกมุมปากเยาะหยันให้กับความคิดของตนอีกครั้ง แล้วมองสำรวจรอบๆ ห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง ในเครือของลาร์นาโด เพื่อดูความเรียบร้อยของงานให้ถ้วนถี่ เขาชอบความเนี้ยบ และมีระเบียบ และเกลียดคำว่าจุดบกพร่อง ช่องโหว่ง ข้อตำหนิต่างๆ ทันใดนั้นดวงตาคมก็ไปสะดุดกับวัตถุที่ไม่พึงประสงค์บางอย่างเข้า  อ้อ!ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่วัตถุที่ไม่พึงประสงตค์ แต่มันเป็นคน ภัตตาคารบัดซบ ที่เขาเสียเงินจ้างมานี้ เอาเด็กมาเดินเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้าเขาได้ยังไงกัน แม่เด็กหญิงคนนั้นมันอายุเท่าไรกัน ดูจากสรีระแล้วน่าจะ 14-15 ปี ผมดำยาวดำขลับ เหมือนจะเป็นคนเอเชียอย่างเช่นมารดาของเขา แต่ธวาธิตไม่สนใจที่จะเดินไปดูเด็กคนนั้นให้ชัดๆหรอก เพราะเขากำลังอารมณ์เสีย และบอดี้การ์ดคนสนิทของเขาคงจะรู้ดี จึงถามมาหน้าขรึมไม่แพ้เจ้านาย

 มีอะไรหรือเปล่าครับนาย?

เสียงผู้ติดตามร่างยักษ์ถามขึ้น แต่ธวาธิตไม่ตอบ ดวงตาคมยังจ้องไปที่เด็กสาวคนนั้นนิ่ง แต่ก็ไม่เห็นอะไรนัก นอกจากหน้าขาวๆ และผมดำยาวสลวยเป็นมันดำขลับของอีกฝ่าย ทำไมภัตตาคารนี้ จึงเอาเด็กเล็กขนาดนี้มาใช้แรงงานในตอนกลางคืน เห็นที่เขาต้องเรียกมาเตือนเสียแล้ว ว่าอย่าเอาเด็กคนนั้น ขึ้นมาทำงานที่ตึกลาร์นาโดอีกเป็นอันขาด เขาไม่อยากให้พวกคู่ค้าของเขา มองว่า เขาใช้แรงงานเด็ก หรือขี้เหนียวว่าจ้างเด็กมาทำงาน เพราะต้องการจ่ายค่าจ้างถูกๆ

ให้ตายเถอะพวกลาร์นาโด ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ลาร์ดาโนไม่ใช่ตัวอะไรต่ออะไรที่มุดอยู่ในรู แต่เป็นอินทรีย์ผงาดฟ้า ทั้งภาพพจน์และภาพจริงต้องเนี้ยบ เฉียบ และดูดีเสมอ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ภัตตาคารที่เขาเป็นลูกค้ามานาน ไม่น่าขาดความรอบคอบ ทำงานเหมือนไม่รู้ใจกันแบบนี้ เพราะสำหรับเขาแล้วนั้น การทำงานที่ดีคือไม่มีช่องโหว่งให้ใครเอาไปตำหนิหรือติดฉินนินทาได้เลย มันสบประมาทกันชัดๆ แม้ใครจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี

ไม่รู้ล่ะเขาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ ให้ผ่านไปอย่างแน่นอน เพราะหากมีเด็กหนีพ่อแม่มาทำงานตอนกลางคืนคนหนึ่งแล้วละก็ พอเห็นว่าเขาไม่ติติงอะไรไปเลย ก็อาจจะมีเพิ่มมาอีกคนสองคนก็ได้ แล้วถ้าหากพ่อแม่เด็กมาโวยวาย เอาบริษัทเขาไปร้องเรียนโยงใยให้เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โต จะทำยังไงละ เขาไม่เอาด้วยหรอก เขาชอบตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่ชอบอะไรที่มันสายเกินแก้ ธวาธิตคิดเท่านั้น ก็หันกลับไปทางคนสนิทของตนทันที เมื่อเสียงฝ่ายนั้นดังขึ้นมาด้วยภาษาอิตาเลียน 

นายชอบเด็กผู้หญิงคนนั้นหรือครับ?

สิ้นคำถามนั้น ธวาธิตก็มองคนของตัวเองนัยน์ตาดุดัน แล้วถามไปเสียงเยียบเย็น

เด็กนั้นกี่ขวบ เปรโก?

เขาย้อนถามคนสนิทไป เห็นอีกฝ่ายหน้าเจื่อน แล้วมองไปยังเด็กร่างเล็กๆตัวขาวๆ ที่เห็นกันอยู่ไกลๆ จากนั้นก็ตอบกลับมาแบบไม่กล้าสบตานัก

ผมเห็นไม่ชัดครับ แต่น่าจะประมาณ 13-14 ปี

ใช่เด็กเล็กๆท่าทางเพิ่งหย่านมได้ไม่กี่วันเองแหละ นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบเด็ก ฉันไม่ชอบเด็กพอๆกับไม่ใช่แรงงานเด็ก เพราะฉะนั้นนายไปดูเบอร์พนักงานของเด็กคนนั้น แล้วแจ้งไปทางภัตตาคารทันที ว่าอย่าได้เอาเด็กคนนั้น มาเหยียบที่ลาร์ดาโนอีกเป็นอันขาด เพราะฉันไม่ชอบถ้ามีการฝ่าฝืนคำสั่ง ฉันจะไปใช้บริการภัตตาคารอื่น ธวาธิตกล่าวไปเสียงดุเด็ดขาด ทำให้บอดีการ์ดเขาพยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบกลับมาสั้นๆ

ครับเจ้านาย บอดี้การ์ดรับคำเท่านั้น ก็ไหว้วานคนให้ไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที อะไรที่ธวาธิตต้องการนั้น จะต้องเร่งทำการทันที เพราะทายาดหมายเลขหนึ่ง ของลาร์ดาโนนั้นเกลียดคำว่าเฉื่อยชา และการทำงานไร้ประสิทธิ์ภาพเป็นที่สุด

 

บทที่ 1

วันนี้บนริมทางเท้าภายใต้อาคารลาร์นาโด ที่แสนหรูหราและโออ่านั้น บัดนี้มีสตรีร่างเล็กบาง ผิวขาวผมยาวดำขลับ กำลังยืนชะเง้อคอมองอาคารสูง ด้วยสายตาโกรธๆดวงตาที่ล้อมรอบด้วยขนตายาวงอน เป็นประกายวับวาวอย่างแค้นใจ ส่วนใบหน้านวลขาวนั้น ก็เลอะเทอะมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตา ใครมองก็รู้เลยว่าหล่อนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ เพราะขอบตากลมโตคู่นั้นมันยังแดงๆอยู่เลย หน้าก็แดง ปากก็แดง จมูกก็แดง  เรียกสายตาของใครต่อใครให้มองมา  ด้วยความสงสัยว่าสตรีร่างเล็ก หน้าตาราวตุ๊กตาญี่ปุ่นมอมแมมผู้นี้ มาทำอะไรที่หน้าตึกใหญ่อย่างลาร์ดาโนกันหนอ

 เพราะดูจากการแต่งตัวด้วยเสื้อโคสสีมอๆ แล้ว มั่นใจได้เลยว่า คงไม่ได้มาติดต่อด้านธุรกิจอย่างแน่นอน ด้วยความที่ตัวเล็กต่างจากคนยุโรปส่วนใหญ่ พร้อมกิริยาชะเง้อชะแง้คอมองตึกสูงจนคอตั้งนั้น ทำให้คนผ่านไปมามองมาที่หญิงสาวเป็นจุดเดียว คนแล้วคนเล่าต่างสงสัย และสงสายตาเวทนามาให้ แต่พลอยใสไม่รู้ตัวหรอก ว่าสภาพของตัวเองนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเธอกำลังโกรธและโกรธ แล้วก็โกรธอีตาโรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด นักการเงินใจร้ายเหี้ยมโหดคนนั้น บุรุษที่ใครต่อใครลือกันนักหนาว่าหน้าเลือด  พลอยใสคิดถึงบุรุษที่ชื่อธวาธิตอย่างเดือดดาน เพียงค่ำคืนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง เมื่อเธอมาเยือนตึกอันหรูหราของเขา แถมไม่ได้มาอย่างทรงเกียรติอะไรหรอก

 เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น เธอมาทำงานเสิรฟ์นอกสถานที่  แล้วนายธวาธิตก็ทำเธอแทบกระอักเลือดตาย เธอมาทำงานของเธอดีๆ แท้ๆ แต่สุดท้ายกลับต้องถูกไล่ออก แล้วทีนี้หญิงสาวจะเอาอะไรกินเข้าไปล่ะ?พลอยใสคิดอย่างแค้นใจผู้ชายที่ชื่อโรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด หล่อนเห็นเขาเมื่อคืนวานนี้ไกลๆ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาเอาการทีเดียว นั้นก็คงเป็นเพราะมีสองสายเลือด ผสมกันอยู่ในตัวนั้นเอง แต่ถึงจะดูหล่อขนาดไหน ก็พอมองออกว่าเป็นคนใจร้าย มาดเขานิ่งมาก ดวงตาคมเฉี่ยวนั้นบอกเลยว่า เป็นคนเลือดเย็น

 แล้วเขาก็เลือดเย็นจริงๆ เพียงแค่เห็นเธอเกะกะตา บนที่ทำงานของเขาเท่านั้น อยู่ๆก็มาไม่ชอบใจเธอโดยไม่มีเหตุผล เล่นร้องเรียนไปยังที่ภัตตาคารสาขาใหญ่ บอกว่าไม่ให้เธอขึ้นไปเสนอหน้าบนที่ทำงานของเขาอีก จนผู้จัดการสาขาที่เธอทำประจำอยู่ ถึงกับโกรธจัดจนไล่เธอออก ด้วยเหตุผลที่ว่าทำให้ลูกค้าคนพิเศษ อย่างเขาไม่ชอบใจ คนใจร้าย คอยดูสิเขาจะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ หญิงสาวคิดแล้วก็พาร่างบาง ซึ่งสวมชุดแสนจะเก่าปอนนั้น เข้าไปในตัวอาคารหรูหราใจกลางเมืองมิลาน  ของตระกูลลาร์ดาโนทันที ไม่ได้หยุดคิดเลยว่า มันดูไม่เข้ากันเลยสักนิด

จะมาหาใคร?

เสียงถามพร้อมกับบุรุษร่างใหญ่  แต่งสูทสากลหรูหรา ทำหน้าที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ของลาร์นาโดดังขึ้น ดวงตาสีเขียวมองพลอยใสเขม็ง ทำราวกับว่าหญิงสาวเป็นตัวเม่นพิษ หรือกำลังจะบุกมาก่อการร้าย ที่สถาบันการเงินลาร์ดาโนอย่างนั้นแหละ

ฉันมาหาซินญอเร[3]ธวาธิต ลาร์นาโด

พลอยใสเชิดหน้าตอบอิตาเลียนกลับไป เพราะคิดว่าเขาจงใจถามเธอภาษานี้ เหมือนกับดูถูกกันนิดว่าเธอฟังไม่ออก แต่พอตอบไปแล้วก็ต้องโกรธเอง เมื่อเขากวาดตามองมานิ่ง แล้วกล่าวเสียงหยามหยัน ทำราวกับเธอเป็นพวกสัตว์เลื่อยคลานข้างถนน ทั้งๆที่อีตาคนเฝ้าประตูนี้ มันก็ชนชั้นเดียวกับเธอแท้ๆ เพียงแค่ได้มาทำงานที่ตึกลาร์นาโดหน่อยทำเป็นยืด เชอะ! หญิงสาวหน้าตึง เมื่ออีกฝ่ายปฎิเสธตนกลับมา อย่างไม่ลังเลสักนิดเลย

เสียใจด้วยซินญอร์ธวาธิต ลาร์นาโด ไม่ออกมาคนเก็บขยะอย่างเธอหรอก มาทางไหนไปทางนั้นเลยไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ใครจะมาเดินเล่นได้ง่ายๆ เป็นที่ทีเขามาติดต่อเรื่องงานกัน

โอ๊ย! ปล่อยนะ

 หญิงสาวตะโกนออกไปอย่างโกรธๆ ทั้งดิ้นทั้งสะบัดตัวหนีเป็นพัลวัล เมื่อคนเฝ้าประตูของลาร์นาโด หิ้วปีกตนออกมาจากตึกอย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นเขาก็จับเธอโยนลงไปที่ริมฟุตบาท ทำราวกับเธอเป็นถุงขยะอย่างนั้นแหละ หญิงสาวนี่โกรธจัดเงยหน้าขึ้นหมายจะด่า แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าถมึงทึง ด่าขึ้นมาเสียก่อน

กลับไปได้เลย เจ้านายฉันไม่สนใจเธอหรอก นังผู้หญิงขายตัว!”

พลอยใสอ้าปากค้างไปเลย เมื่อถูกด่าแบบนั้น หลังจากนั้นไอ้คนที่มันด่าเธอ ก็เดินไปยืนทำหน้าที่ของตัวเอง ต่อที่หน้าประตู และด้วยความโมโหนี่เอง หญิงสาวจึงตะโกนโต้กลับไปบ้าง

ไอ้หมาเฝ้าตึก ทุเรศที่สุด รังแกผู้หญิง

แต่พอตะโกนไปแล้วก็ต้องคอย่น เมื่อมันมองมาตาลุก

นังโสเภณี! กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะหั่นเธอเป็นชิ้นๆ วันๆ พวกเธอเดินเข้ามาขอพบเจ้านายฉัน กี่คนต่อกี่คนก็ไม่รู้ มาที่ไรก็ถูกจับโยนออกไป เหมือนเศษขยะเหม็นๆทุกที กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเข็ดกัน

เสียงคนเฝ้าประตูกล่าวมาอย่างเดือดดาน และมองเธอตาขวางๆ พลอยใสก็เชิดหน้าต่อตาไม่ยอมแพ้ สักพักมันก็หรี่ตาลงมองเธอสายตาดูแคลน แล้วกล่าวออกมาเสียงเย้ยหยันแกมรู้ทัน

 หน้าโง่ คิดหรือยังไงว่า ฉันจะรู้ไม่ทันพวกเธอ นายฉันไม่มองโสเภณีชั้นต่ำหรอก อย่ามาเสียเวลาไปขายตัวให้พวกวัยรุ่นชอบขับรถซิ่งไป

ไอ้หมูสกปรก!”

หญิงสาวตะโกนด่ามันอีกหน โมโหที่มันหาว่าเธอเป็นโสเภณี แต่คราวนี้มันไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว พลอยใสจึงลุกขึ้นยืนปัดเนื้อปัดตัว หญิงสาวหน้าเหยปวดแปลบที่บริเวณสะโพก ก็เธอถูกเหวี่ยงออกมาใช้เบาเสียเมื่อไรกัน หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก แล้วมองก้มลงสำรวจตัวเองดูว่า เธอนั้นแต่งกายตรงส่วนไหน ที่มันดูเหมือนกับโสเภณีบ้าง ทุกอย่างก็มิดชิดดี กางเกงยีนเก่าปอนขายาว เสื้อยืดสวมทับด้วยโคสสีมอๆด้วยซ้ำไป   ไม่เห็นส่วนไหนโชว์เนื้อหนังมังสาสักนิด คิดแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่น

 เชอะ! อีตาคนเฝ้าประตูจิตลามก คิดอกุศล คนมาขายตัวเขาซอมซ่อแบบเธอกันหรือ มีแต่จะทำให้สวยใส่น้ำหอมแพงๆ

 หญิงสาวบ่นออกมาหน้าตึง และที่พลอยใสคิดแบบนี้ก็เพราะเธอไม่รู้มาก่อนว่า ผู้หญิงที่เข้าหาธวาธิตนั้นมีร้อยแปดวิธี จนคนของเขาเอือมที่จะสกัดกั้นแล้ว เบื่อขึ้นมาก็หิวปีกจับโยนออกไป เหมือนกับที่เธอโดนอยู่นี่แหละ หญิงสาวค่อนอีตานั้นเสร็จก็ ลุกขึ้นอย่างท้อแท้ ปากก็บ่นกระปอดกระแปด ค้อนลมแร้งไปตามเรื่อง

โธ่เอ่ย คนหาเช้ากินค่ำเหมือนกันแท้ๆ กับไม่เห็นใจถามไถ่สักนิด  อ้าปากพูดไปได้ไม่กี่คำก็จับโยนออกมาเสียแล้ว อู้ย!เจ็บสะโพกชะมัด

หญิงสาวกล่าวพร้อมทำหน้านิ่ว แต่สมองก็ยังไม่หยุดคิด ว่าตนจะเข้าพบธวาธิตได้อย่างไร  เธอต้องการคำอธิบายจากธวาธิตว่า เธอทำอะไรผิดหรือ และพลอยใสได้ไปล่วงเกิน ทำอะไรขัดหูขัดตาอะไรเขาเข้า จึงได้ร้องเรียนไป จนหญิงสาวถูกไล่ออกแบบนี้ พลอยใสคิดอย่างกลุ้มๆ นี่ถ้าเธอไม่ได้งานภายในอาทิตย์นี้ วินซาโตพ่อเลี้ยงที่หอบหิ้วเธอและมารดามาอยู่อิตาลีนั้น ต้องบ่นหูจมแน่ๆ เผลอๆ ก็จะพาลกับมารดาเธออีก

 คิดแล้วก็ยิ่งกลุ้มใครว่าคนไทยได้สามีฝรั่งดี วินซาโตบิดาเลี้ยงเธอนี่แมงดาชัดๆ ตอนไปเที่ยวเมืองไทยทำตัวหรูหรา ใช้เงินเป็นว่าเล่น ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เอาใจสารพัด จนแม่เธอหลงกลยอมแต่งงานด้วย แต่พอเขาพาเธอและมารดามาอยู่อิตาลีเท่านั้น ก็เริ่มปฏิบัติกับเธอและมารดาเยี่ยงทาส แม่เธอต้องไปทำงานโรงงานผลิตของชำร่วย ไม่ค่อยได้มีเวลาพัก ต่อมาอีกสองปีได้เธอก็ต้องทำงานห้องอาหาร ทั้งที่มันเป็นวัยเรียน

ส่วนวินซาโตนะหรือ เขาก็ใช้เงินจิบไวน์นั่งสบายอยู่ที่บ้าน ให้เธอและมารดาหาเลี้ยงตัวเองแล้วไอ้โรงงานผลิตของเล่นอะไรๆ ที่เขาคุยเอาไว้ตอนไปเที่ยวเมืองไทยน่ะ ก็โม้ทั้งนั้น หญิงสาวคิดอย่างแค้นๆ บิดาเลี้ยง เพราะนอกจากเขาจะใช้งานเธอแล้ว หลังๆ มายังชอบมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ยิ่งเวลาไหนที่มารดาไปทำงานด้วยแล้ว มักมองเธอด้วยสายตาโลมลูบ หาทางเข้าใกล้เธอเสมอ หนักเข้าพลอยใสก็ออกมาอยู่อพาร์ตเม้นต์กับเพื่อนเสียเลย เพื่อตัดปัญหา

พลอยใสคิดแล้วถอนใจ ครั้นจะบอกมารดาก็เกรงว่าท่านจะไม่สบายใจ จึงจำต้องกัดฟันทนเอา คิดแล้วเจ็บใจผู้ชายพวกนี้นัก วินซาโตก็เลว ธวาธิตก็ใจร้าย เธอขอสาปส่งสองคนนี้ให้ลงนรกไปเลย โดยเฉพาะธวาธิตรู้จักกันก็ไม่รู้จัก เขาก็ยังกลั่นแกล้งเธอ ใช้สิทธิของลูกค้ารายใหญ่ให้เจ้านายไล่เธอออก ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ พลอยใสมองตึกใหญ่โตอีกครั้งแล้วกัดฟันกรอด

อย่าให้เจอนะนายธวาธิต ฉันไม่กลัวนายหรอก คนบ้า! คิดว่ามีเงินแล้วก็จะรังแกใครก็ได้อย่างนั้นหรือ

หญิงสาวบ่นไปเดินไปตามริมทางเท้า ต่อมาสายตาก็แฉลบไปเห็นรถลีมูซีนสีดำมันปลาบวิ่งผ่านสายตาไป แต่บุคคลที่อยู่ด้านหลังนั่นสิ ธวาธิต ลาร์นาโด เธอจำเขาได้ บุรุษที่มีบุคลิกเย่อหยิ่งยโส มองคนอื่นด้วยหางตา พอรถเขาเลยผ่านไป และวิ่งเข้าตัวตึกซึ่งแน่นอนว่าเป็นลานจอดรถอย่างไม่ต้องสงสัย เท้าของพลอยใสก็ไวเท่าความคิด

 หญิงสาวรีบวิ่งไปทันที เธอต้องพบเขาให้ได้ อย่างน้อยเธอต้องรู้ว่าเหตุใด ตัวเองถึงถูกไล่ออกจากงาน เธอทำผิดอะไรเขาจึงไม่พอใจแบบนี้ แล้วถ้าเขายังมีความเมตตาบ้าง หญิงสาวก็จะขอให้เขาบอกเจ้านายของเธอ ให้รับตนเองเข้าทำงานอีกครั้ง อย่างน้อยเขาน่าจะคิดได้บ้าง เพราะตัวเองก็มีสายเลือดไทยอยู่ในตัว เหมือนๆกันกับเธอตั้งครึ่งหนึ่ง พลอยใสจะต้องเจรจากับเขาให้ได้ งานเดี๋ยวนี้ใช่หาได้ง่ายๆ

 

ขณะที่พลอยใสกำลังหาทางเล็ดลอด เข้าไปยังลานจอดรถของตึกลาร์นาโดอยู่นั้น ร่างสูงในชุดสูทสากลสีดำหรู กำลังก่าวลงมาจากลีมูซีนด้วยท่วงท่าสง่างาม และพอเขายืดตัวเต็มความสูงได้เท่านั้น ธวาธิต ลาร์นาโด ก็กวาดตามองทุกอย่างรอบกาย ด้วยสายตาเรียบสงบและเยียบเย็น เกินที่ผู้คนจะคาดเดาได้ว่า เขาอยู่ในอารมณ์ไหน สำหรับการทำงานในเช้าวันนี้  

ตลอดทางที่เขาเดินไป ผ่านคนเฝ้ารถของบริษัทที่แต่งกายด้วยสูทหรู สำหรับธวาธิตแล้วทุกอย่างต้องดูดีเสมอ พนักงานชาวอิตาเลียน โค้งให้เขาอย่างสุภาพ ทั่วทุกคนที่เขาเดินผ่าน แต่ผู้เป็นนายก็หาสนใจไม่ นิ่งเหมือนมองไม่เห็นหัวใคร และนี่คือนิสัยของเขา โรมมองไปรอบๆ สถาบันการเงิน ที่เขากุมบังเหียนอยู่อย่างพอใจ ทุกอย่างสะอาด ดูดี เนี้ยบ สมเป็นสถาบันการเงินอันดับหนึ่ง

 ใครเข้ามาติดต่อก็ไม่อาย พนักงานเขาทุกคนแต่งตัวโก้หรู ไม่มีพวกหนูสกปรกที่อยู่ตามท่อน้ำมาวิ่งพล่านให้เกะกะตา เพราะทุกคนที่เข้ามาขอกู้เงินนั้นต่างดูดีมีระดับ มีกิจการใหญ่โตทั้งสิ้น โรมคิดแล้วเดินบ่าตั้งหลังตรง ไปยังลิฟต์เฉพาะส่วนของผู้บริหาร พนักงานหน้าลิฟต์ที่แต่งสูทหรูไม่แพ้คนอื่นๆ โค้งให้เขาอย่างสวยงาม สมกับที่อบรมมาเป็นแรมเดือน ก่อนให้ทำงานจริงๆ ทุกอย่างสำหรับเช้าวันนี้ ราบรื่นเป็นปกติดี แต่พอลิฟต์เปิดและเขากำลังก้าวขาไปเท่านั้นก็ต้องชะงัก

หยุดก่อน!”

เสียงนั้นทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมุ่น โรมยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟต์ แปลกว่าผู้หญิงที่ไหนตะโกนออกมาเป็นภาษาไทย ดังลั่นลานจอดรถของเขาไปหมด แถมสำเนียงไทยฟังชัดเจนทีเดียว ว่านั่นคือคำสั่ง ไม่ใช่การขอร้องวิงวอน และคนอย่างโรมหรือธวาธิต ก็ไม่ชอบให้ใครมาสั่งเสียด้วยสิ   คิดได้เท่านั้นก็กัดฟันกรอด

ดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวเวหานั้นลุกวาวอย่างไม่พอใจ หันไปยังที่มาของเสียงทันที แล้วก็เห็นสตรีผู้นางหนึ่งอยู่ไกลนักร่างหล่อนเล็กบางต่างจากสาวๆแถบนี้นัก ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันสนิทนึกตำหนิในใจว่าใครปล่อยแม่หนูสกปรกคนนี้ มาวิ่งเพ่นพ่านในสถาบันการเงินเขากัน หล่อนวิ่งผ่านพนักงานเขามาได้ยังไง จะมาเสนอขายตัวให้เขา แบบที่ผ่านมาอีกแล้วหรือ?

 จะมาเสนอทั้งที่ทำไมไม่รู้จักล้างคราบโคลน จากท่อน้ำเน่าออกเสียเลย ให้ตายสิ! พวกโสเภณีนี้น่ารำคาญที่สุด มาปั่นป่วนเขาให้เสียอารมณ์แต่เช้าเลย พวกนี้ขยันสังเกตดีจริงๆว่าเขาจะเข้าจะออกเวลาไหน เมื่อรู้ว่าจะมีผู้หญิงมาเสนอตัวให้แต่เช้า ธวาธิตเลยไม่สนใจ รีบกล่าวเข้าไปในลิฟท์ทันที แต่แล้วก็ต้องเม้มปากแน่น เมื่อหล่อนสั่งมาอีกหน

อย่าเพิ่งไปเสียงหล่อนยังดังขึ้นพร้อมกับวิ่งกระหืดกระหอบมา อวดดี! โรมคิดอย่างไม่ชอบใจ แม่หนูสกปรกนี่กำลังสั่งใครอยู่ นอกจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่นี่มีใครฟังภาษาไทยออกบ้าง หล่อนจะมาขายตัวให้เขา อย่างน้อยก็คงรู้มาว่า เขาเข้าใจภาษาไทยและพูดไทยได้ ราวกับคนอยู่เมืองไทยมาแต่เล็กเชียว  และหล่อนก็จงใจสั่งเขาด้วยภาษาไทย โรมคิดและบอกตัวเองเสร็จสรรพ เท่านั้นเองดวงหน้าคมสันก็บึ้งตึง เขาหันกลับไปมองเจ้าหน้าที่กดลิฟต์ แล้วเอ่ยไปเสียงแข็งๆ

ลากแม่หนูจากท่อน้ำรั่วที่ตะโกนเอะอะโวยวายอยู่นั้น ให้ตามฉันขึ้นไปด้วย

กล่าวเท่านั้นธวาธิต ก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที โดยมีพนักงานคอยกดปิดให้ และขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดอยู่นั้น หน้าคมของหนุ่มลูกผสมก็บึ้งตึงอีกครั้ง เมื่อแม่หนูที่โผล่มาจากท่อน้ำรั่ววี้ดออกมาใส่เขา อย่างไม่เกรงใจเลยว่าใครเป็นเจ้าของตึก

อย่านะนายธวาธิต ไอ้คนเฮงซวย! จะหนีไปไหน ฉันมีเรื่องสำคัญมากนะ ไอ้...

ก่อนที่เขาจะได้ยินวาจาแสบสันต์ ของพวกชนชั้นท่อน้ำรั่วมากไปกว่านี้ ประตูก็ปิดลงเสียก่อน ร่างสูงที่อยู่ในลิฟต์กำหมัดแน่น เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาเลยสักคน แต่ผู้หญิงขายตัวคนนั้น มาขึ้นไอ้กับเขาเขียวหรือ  บังอาจมากไปแล้ว ตัวเองมีอะไรดี นุ่งผ้าขี้ริ้ววิ่งเข้ามาในสถาบันการเงินชั้นนำของเขา แล้วยังมาขึ้นไอ้นั่นไอ้นี่กับเขา

คิดว่าเขาไม่สันทัดภาษาไทยหรือยังไงกัน หล่อนนึกจะพ่นอะไรออกมาก็พ่นไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวรู้สึก! เปํนผู้หญิงไทยแล้วยังไง เขาจะสนหรือ ในเมื่อผู้หญิงมีเข้ามามากหน้าหลายดาไม่เคยขาด อยู่นี่ใช่จะอดสตรีไทยที่ไหนกัน สาวเอเชียเพียงแค่ออกปาก คนของเขา ก็เอาไปประเคนให้ถึงอพาร์ตเมนต์หรู ที่เขาซื้อไว้สำหรับใช้ทำกิจกรรมแบบนี้โดยเฉพาะ คนอย่างธวาธิตไม่มีเที่ยวไปเพ่นพ่านตามโรงแรม ให้ใครครหาหรือเอาไปลือกันสนุกปากแน่

 เขาทำทุกอย่างระวังเสมอ ไม่อย่างนั้น คงไม่อยู่ด้วยภาพพจน์เลิศหรูแบบทุกวันนี้ ไม่ใช่น้องชายสองคนของเขา ที่ขยันเป็นข่าวจนบิดามารดาปวดหัว เขาเป็นพี่ชายใหญ่จะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ภาพพจน์ของนักการเงินต้องดูดีน่าศรัทธาเสมอ ธวาธิตคิดแล้วเดินบ่าตั้งหลังตรงไว้สง่าอีกครั้ง เมื่อถึงชั้นของตนจึงก้าวออกไปยังพื้นพรมหรู ท่ามกลางสายตาเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหาร และเพียงเขาตวัดสายตาคมไปยังทิศใด ทุกคนก็ก้มหน้าหัวหดกันเป็นรายๆไป

 

ไอ้คนบ้า! อย่าหนีสิ ทำกับฉันถึงขนาดนี้ แล้วหนีกันง่ายๆได้ยังไงบัดซบจริงๆเลยนายธวาธิตไอ้คนเห็นซวย ฉันไม่ใช่พวกสักว์ที่อยู่ตามพื้นดินนะ ถึงมองด้วยหางตาแล้วเดินหนีไปแบบนี้ ฉันรู้นะนายฟังภาษาไทยออก ไอ้คนเฮงซวยคงจะคุยแต่เรื่องเงินเป็นอย่างเดียวสินะ เรื่องอื่นไม่สนใจเลย โธ่!แล้วฉันจะทำยังไงละทีนี้

พลอยใสบ่นออกไปอย่างแค้นๆ เมื่อคนบ้าหัวหดนั่น เดินหายลับไปในลิฟต์หน้าตาเฉย เขาไม่สนใจเสียงเรียกของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าเขาฟังภาษาไทยออก พวกลาร์นาโดทั้งสามคนมีมารดาเป็นคนไทย และเรียนรู้ภาษาแม่ของตัวเองหมดทั้งสามคน เรื่องนี้ใครเขาก็รู้กันทั้งนั้น  แต่หมอนี้กลับทำเหมือนฟังเธอพูดไม่ออก หญิงสาวคิดแล้วกระทืบเท้าไปมาอย่างขัดใจ แต่ก็เอะอะโวยวายได้ไม่นาน พลอยใสก็ต้องตกใจ เมื่อมีบุรุษแต่งสูทหรูเข้ามาแล้วคว้าต้นแขนเธอเอาไว้

เดินตามมา คงได้สนุกแน่แม่หนูท่อน้ำรั่ว เจ้านายฉันบอกให้ลากคอเธอขึ้นไปหา

เจ้านาย? พลอยใสทวนคำคนพูดงงๆ สักพักดวงตากลมโตก็สว่างวาบขึ้น เจ้านายของนายกดลิฟต์ ที่แต่งตัวราวกับนักธุรกิตใหญ่นี้ก็คือ นายธวาธิต ลาร์นาโดนะสิ  ดีเลยโอกาสเป็นของเธอแล้ว  เธอจะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องไปเลย หญิงสาวคิดอย่างพอใจ แล้วสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายทันที  จากนั้นก็เชิดหน้าขึ้น กล่าวไปด้วยสุ่มเสียงไม่ชอบใจ มองอีกฝ่ายด้วยหางตา เลียนแบบสายตานายธวาธิตที่มองเธอเมื่อครู่นี้

ไม่ต้องถึงกับลากคอกันหรอก ฉันไปดีๆ ก็ได้

กล่าวจบพลอยใสก็เดินเชิดหน้านำอีกฝ่ายไปเสียเอง ถึงเธอจะจนแต่ก็หยิ่ง ใครมันมีปัญหากับเธอก็ช่างหัวสิ คิดแล้วก็เดินเข้าไปในลิฟต์ โดยมีอีตาพนักงานนั่นเดินตามมาไม่ห่าง เรียกว่าอยู่ในสายตากันตลอด  สงสัยคงกลัวว่าเธอมีแผนจะมางัดตู้เซฟของที่นี่มั้ง หญิงสาวคิดแล้วก็หน้าตึง เชิดหน้าขึ้นสูง ทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาหมิ่นๆของพนักงานกดลิฟต์

โธ่! พนักงานเสิร์ฟกับคนกดลิฟต์นี่มันแตกต่างสูงส่งกว่ากันขนาดไหนเชียว ลูกน้องยังเท่านี้ แล้วเจ้านายจะขนาดไหน เฮ้อ! คิดแล้วมองจึงเงยหน้าขึ้น มองดูว่าลิฟท์ถึงชั้นไหนแล้ว อดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักการเงินมากความสามารถแห่งปี คิดแล้วเหมือนตัวเองเป็นหนูสกปรก ที่เที่ยวมาวิ่งเผ่นพล่านตามราชวังก็ไม่ปาน

 

พาใครเข้ามา? เสียงถามห้วนจัด ของบุรุษที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องนั้น ทำให้พนักงานกดลิฟต์ ที่เดินนำตนเข้ามาภายในห้องที่ติดฮีทเตอร์อุ่นสบาย มีกลิ่นหอมกรุ่นรวยระรินมาจนหญิงสาวต้องสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปลอด

อ..เอ่อ

เสียงอีตาพนักงานกดลิฟต์อึกๆ อักๆ คงจะหนาวๆร้อนๆกับสายตาเยียบเย็นของเลขาฯ หน้าห้อง แต่หญิงสาวเห็นแล้วกลับเบ้ปากนิดๆไม่สนใจ เธอมองทุกอย่างรอบกายอย่างตื่นตา โอโหพวกลาร์นาโดคงรวยใช่ย่อย ของตกแต่งออฟฟิคนี้สวยแล้วก็คงจะแผงๆทั้งนั้น เธอสะดุดตากับภาพวาดอัศวินขี่ม้าตรงผนังห้อง แต่แล้วก็ต้องไม่สบอารมณ์กับเสียงเลขาฯ

 สกปรก! เหมือนหนูที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาจากท่อน้ำเน่า ขนาดดารานางแบบมาเสนอตัว เจ้านายฉันยังไม่เอาเลย กลับไปได้แล้วนังหนูเหม็น

พลอยใสได้ยินดังนั้นก็เม้มปากแน่น รองแบบนี้จะว่าใครละนอกจากเธอ ก็ผู้หญิงมันมีอยู่คนเดียว หญิงสาวหน้าตึงหันขวับไปต่อตากับเยียบเย็น หยามหยันของอีกฝ่าย

อ้าว พูดให้สวยสิ ใครกันหนูเหม็น

 



[1] มิลาน(มิลาโน)อยู่ทางภาคเหนือของอิตาลี เป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องแฟชั่น และเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจ หลากหลายประเภท

[2] ทีโรลใต้ หรือ เตรนตีโน-อัลโตอาดีเจ เป็นพื้นที่ทางภาคเหนือของอิตาลี เป็นดินแดนที่สวยมาก เพราะมีขุนเขาทอดยาวติดกับออสเตรีย ในช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 เคยตกเป็นของออสเตรียมาก่อน

[3] Signore ซินญอเร มีความหมายว่า คุณผู้ชายหรือนาย  หรือจะใช้ signor ซินญอร์ก็ได้

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
5555

Posts: 0 topics
Joined: none

ความคิดเห็นที่ 1  « on 16/8/2552 23:04:00 IP : 110.49.121.168 »     Edit Topic
Re: 444
 
 บทที่ 1วันนี้บนริมทางเท้าภายใต้อาคารลาร์นาโด ที่แสนหรูหราและโออ่านั้น บัดนี้มีสตรีร่างเล็กบาง ผิวขาวผมยาวดำขลับ กำลังยืนชะเง้อคอมองอาคารสูง ด้วยสายตาโกรธๆดวงตาที่ล้อมรอบด้วยขนตายาวงอน เป็นประกายวับวาวอย่างแค้นใจ ส่วนใบหน้านวลขาวนั้น ก็เลอะเทอะมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตา ใครมองก็รู้เลยว่าหล่อนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ เพราะขอบตากลมโตคู่นั้นมันยังแดงๆอยู่เลย หน้าก็แดง ปากก็แดง จมูกก็แดง  เรียกสายตาของใครต่อใครให้มองมา  ด้วยความสงสัยว่าสตรีร่างเล็ก หน้าตาราวตุ๊กตาญี่ปุ่นมอมแมมผู้นี้ มาทำอะไรที่หน้าตึกใหญ่อย่างลาร์ดาโนกันหนอ เพราะดูจากการแต่งตัวด้วยเสื้อโคสสีมอๆ แล้ว มั่นใจได้เลยว่า คงไม่ได้มาติดต่อด้านธุรกิจอย่างแน่นอน ด้วยความที่ตัวเล็กต่างจากคนยุโรปส่วนใหญ่ พร้อมกิริยาชะเง้อชะแง้คอมองตึกสูงจนคอตั้งนั้น ทำให้คนผ่านไปมามองมาที่หญิงสาวเป็นจุดเดียว คนแล้วคนเล่าต่างสงสัย และสงสายตาเวทนามาให้ แต่พลอยใสไม่รู้ตัวหรอก ว่าสภาพของตัวเองนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเธอกำลังโกรธและโกรธ แล้วก็โกรธอีตาโรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด นักการเงินใจร้ายเหี้ยมโหดคนนั้น บุรุษที่ใครต่อใครลือกันนักหนาว่าหน้าเลือด  พลอยใสคิดถึงบุรุษที่ชื่อธวาธิตอย่างเดือดดาน เพียงค่ำคืนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง เมื่อเธอมาเยือนตึกอันหรูหราของเขา แถมไม่ได้มาอย่างทรงเกียรติอะไรหรอก เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น เธอมาทำงานเสิรฟ์นอกสถานที่  แล้วนายธวาธิตก็ทำเธอแทบกระอักเลือดตาย เธอมาทำงานของเธอดีๆ แท้ๆ แต่สุดท้ายกลับต้องถูกไล่ออก แล้วทีนี้หญิงสาวจะเอาอะไรกินเข้าไปล่ะ?พลอยใสคิดอย่างแค้นใจผู้ชายที่ชื่อโรมหรือธวาธิต ลาร์นาโด หล่อนเห็นเขาเมื่อคืนวานนี้ไกลๆ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้มหล่อเหลาเอาการทีเดียว นั้นก็คงเป็นเพราะมีสองสายเลือด ผสมกันอยู่ในตัวนั้นเอง แต่ถึงจะดูหล่อขนาดไหน ก็พอมองออกว่าเป็นคนใจร้าย มาดเขานิ่งมาก ดวงตาคมเฉี่ยวนั้นบอกเลยว่า เป็นคนเลือดเย็น แล้วเขาก็เลือดเย็นจริงๆ เพียงแค่เห็นเธอเกะกะตา บนที่ทำงานของเขาเท่านั้น อยู่ๆก็มาไม่ชอบใจเธอโดยไม่มีเหตุผล เล่นร้องเรียนไปยังที่ภัตตาคารสาขาใหญ่ บอกว่าไม่ให้เธอขึ้นไปเสนอหน้าบนที่ทำงานของเขาอีก จนผู้จัดการสาขาที่เธอทำประจำอยู่ ถึงกับโกรธจัดจนไล่เธอออก ด้วยเหตุผลที่ว่าทำให้ลูกค้าคนพิเศษ อย่างเขาไม่ชอบใจ คนใจร้าย คอยดูสิเขาจะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ หญิงสาวคิดแล้วก็พาร่างบาง ซึ่งสวมชุดแสนจะเก่าปอนนั้น เข้าไปในตัวอาคารหรูหราใจกลางเมืองมิลาน  ของตระกูลลาร์ดาโนทันที ไม่ได้หยุดคิดเลยว่า มันดูไม่เข้ากันเลยสักนิด จะมาหาใคร?เสียงถามพร้อมกับบุรุษร่างใหญ่  แต่งสูทสากลหรูหรา ทำหน้าที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ของลาร์นาโดดังขึ้น ดวงตาสีเขียวมองพลอยใสเขม็ง ทำราวกับว่าหญิงสาวเป็นตัวเม่นพิษ หรือกำลังจะบุกมาก่อการร้าย ที่สถาบันการเงินลาร์ดาโนอย่างนั้นแหละฉันมาหาซินญอเร[1]ธวาธิต ลาร์นาโดพลอยใสเชิดหน้าตอบอิตาเลียนกลับไป เพราะคิดว่าเขาจงใจถามเธอภาษานี้ เหมือนกับดูถูกกันนิดว่าเธอฟังไม่ออก แต่พอตอบไปแล้วก็ต้องโกรธเอง เมื่อเขากวาดตามองมานิ่ง แล้วกล่าวเสียงหยามหยัน ทำราวกับเธอเป็นพวกสัตว์เลื่อยคลานข้างถนน ทั้งๆที่อีตาคนเฝ้าประตูนี้ มันก็ชนชั้นเดียวกับเธอแท้ๆ เพียงแค่ได้มาทำงานที่ตึกลาร์นาโดหน่อยทำเป็นยืด เชอะ! หญิงสาวหน้าตึง เมื่ออีกฝ่ายปฎิเสธตนกลับมา อย่างไม่ลังเลสักนิดเลยเสียใจด้วยซินญอร์ธวาธิต ลาร์นาโด ไม่ออกมาคนเก็บขยะอย่างเธอหรอก มาทางไหนไปทางนั้นเลยไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ใครจะมาเดินเล่นได้ง่ายๆ เป็นที่ทีเขามาติดต่อเรื่องงานกันโอ๊ย! ปล่อยนะ หญิงสาวตะโกนออกไปอย่างโกรธๆ ทั้งดิ้นทั้งสะบัดตัวหนีเป็นพัลวัล เมื่อคนเฝ้าประตูของลาร์นาโด หิ้วปีกตนออกมาจากตึกอย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นเขาก็จับเธอโยนลงไปที่ริมฟุตบาท ทำราวกับเธอเป็นถุงขยะอย่างนั้นแหละ หญิงสาวนี่โกรธจัดเงยหน้าขึ้นหมายจะด่า แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าถมึงทึง ด่าขึ้นมาเสียก่อนกลับไปได้เลย เจ้านายฉันไม่สนใจเธอหรอก นังผู้หญิงขายตัว!”พลอยใสอ้าปากค้างไปเลย เมื่อถูกด่าแบบนั้น หลังจากนั้นไอ้คนที่มันด่าเธอ ก็เดินไปยืนทำหน้าที่ของตัวเอง ต่อที่หน้าประตู และด้วยความโมโหนี่เอง หญิงสาวจึงตะโกนโต้กลับไปบ้างไอ้หมาเฝ้าตึก ทุเรศที่สุด รังแกผู้หญิงแต่พอตะโกนไปแล้วก็ต้องคอย่น เมื่อมันมองมาตาลุกนังโสเภณี! กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะหั่นเธอเป็นชิ้นๆ วันๆ พวกเธอเดินเข้ามาขอพบเจ้านายฉัน กี่คนต่อกี่คนก็ไม่รู้ มาที่ไรก็ถูกจับโยนออกไป เหมือนเศษขยะเหม็นๆทุกที กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเข็ดกันเสียงคนเฝ้าประตูกล่าวมาอย่างเดือดดาน และมองเธอตาขวางๆ พลอยใสก็เชิดหน้าต่อตาไม่ยอมแพ้ สักพักมันก็หรี่ตาลงมองเธอสายตาดูแคลน แล้วกล่าวออกมาเสียงเย้ยหยันแกมรู้ทัน หน้าโง่ คิดหรือยังไงว่า ฉันจะรู้ไม่ทันพวกเธอ นายฉันไม่มองโสเภณีชั้นต่ำหรอก อย่ามาเสียเวลาไปขายตัวให้พวกวัยรุ่นชอบขับรถซิ่งไปไอ้หมูสกปรก!” หญิงสาวตะโกนด่ามันอีกหน โมโหที่มันหาว่าเธอเป็นโสเภณี แต่คราวนี้มันไม่สนใจเธออีกต่อไปแล้ว พลอยใสจึงลุกขึ้นยืนปัดเนื้อปัดตัว หญิงสาวหน้าเหยปวดแปลบที่บริเวณสะโพก ก็เธอถูกเหวี่ยงออกมาใช้เบาเสียเมื่อไรกัน หญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก แล้วมองก้มลงสำรวจตัวเองดูว่า เธอนั้นแต่งกายตรงส่วนไหน ที่มันดูเหมือนกับโสเภณีบ้าง ทุกอย่างก็มิดชิดดี กางเกงยีนเก่าปอนขายาว เสื้อยืดสวมทับด้วยโคสสีมอๆด้วยซ้ำไป   ไม่เห็นส่วนไหนโชว์เนื้อหนังมังสาสักนิด คิดแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่น  เชอะ! อีตาคนเฝ้าประตูจิตลามก คิดอกุศล คนมาขายตัวเขาซอมซ่อแบบเธอกันหรือ มีแต่จะทำให้สวยใส่น้ำหอมแพงๆ หญิงสาวบ่นออกมาหน้าตึง และที่พลอยใสคิดแบบนี้ก็เพราะเธอไม่รู้มาก่อนว่า ผู้หญิงที่เข้าหาธวาธิตนั้นมีร้อยแปดวิธี จนคนของเขาเอือมที่จะสกัดกั้นแล้ว เบื่อขึ้นมาก็หิวปีกจับโยนออกไป เหมือนกับที่เธอโดนอยู่นี่แหละ หญิงสาวค่อนอีตานั้นเสร็จก็ ลุกขึ้นอย่างท้อแท้ ปากก็บ่นกระปอดกระแปด ค้อนลมแร้งไปตามเรื่องโธ่เอ่ย คนหาเช้ากินค่ำเหมือนกันแท้ๆ กับไม่เห็นใจถามไถ่สักนิด  อ้าปากพูดไปได้ไม่กี่คำก็จับโยนออกมาเสียแล้ว อู้ย!เจ็บสะโพกชะมัดหญิงสาวกล่าวพร้อมทำหน้านิ่ว แต่สมองก็ยังไม่หยุดคิด ว่าตนจะเข้าพบธวาธิตได้อย่างไร  เธอต้องการคำอธิบายจากธวาธิตว่า เธอทำอะไรผิดหรือ และพลอยใสได้ไปล่วงเกิน ทำอะไรขัดหูขัดตาอะไรเขาเข้า จึงได้ร้องเรียนไป จนหญิงสาวถูกไล่ออกแบบนี้ พลอยใสคิดอย่างกลุ้มๆ นี่ถ้าเธอไม่ได้งานภายในอาทิตย์นี้ วินซาโตพ่อเลี้ยงที่หอบหิ้วเธอและมารดามาอยู่อิตาลีนั้น ต้องบ่นหูจมแน่ๆ เผลอๆ ก็จะพาลกับมารดาเธออีก คิดแล้วก็ยิ่งกลุ้มใครว่าคนไทยได้สามีฝรั่งดี วินซาโตบิดาเลี้ยงเธอนี่แมงดาชัดๆ ตอนไปเที่ยวเมืองไทยทำตัวหรูหรา ใช้เงินเป็นว่าเล่น ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ เอาใจสารพัด จนแม่เธอหลงกลยอมแต่งงานด้วย แต่พอเขาพาเธอและมารดามาอยู่อิตาลีเท่านั้น ก็เริ่มปฏิบัติกับเธอและมารดาเยี่ยงทาส แม่เธอต้องไปทำงานโรงงานผลิตของชำร่วย ไม่ค่อยได้มีเวลาพัก ต่อมาอีกสองปีได้เธอก็ต้องทำงานห้องอาหาร ทั้งที่มันเป็นวัยเรียน ส่วนวินซาโตนะหรือ เขาก็ใช้เงินจิบไวน์นั่งสบายอยู่ที่บ้าน ให้เธอและมารดาหาเลี้ยงตัวเองแล้วไอ้โรงงานผลิตของเล่นอะไรๆ ที่เขาคุยเอาไว้ตอนไปเที่ยวเมืองไทยน่ะ ก็โม้ทั้งนั้น หญิงสาวคิดอย่างแค้นๆ บิดาเลี้ยง เพราะนอกจากเขาจะใช้งานเธอแล้ว หลังๆ มายังชอบมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ยิ่งเวลาไหนที่มารดาไปทำงานด้วยแล้ว มักมองเธอด้วยสายตาโลมลูบ หาทางเข้าใกล้เธอเสมอ หนักเข้าพลอยใสก็ออกมาอยู่อพาร์ตเม้นต์กับเพื่อนเสียเลย เพื่อตัดปัญหาพลอยใสคิดแล้วถอนใจ ครั้นจะบอกมารดาก็เกรงว่าท่านจะไม่สบายใจ จึงจำต้องกัดฟันทนเอา คิดแล้วเจ็บใจผู้ชายพวกนี้นัก วินซาโตก็เลว ธวาธิตก็ใจร้าย เธอขอสาปส่งสองคนนี้ให้ลงนรกไปเลย โดยเฉพาะธวาธิตรู้จักกันก็ไม่รู้จัก เขาก็ยังกลั่นแกล้งเธอ ใช้สิทธิของลูกค้ารายใหญ่ให้เจ้านายไล่เธอออก ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ พลอยใสมองตึกใหญ่โตอีกครั้งแล้วกัดฟันกรอดอย่าให้เจอนะนายธวาธิต ฉันไม่กลัวนายหรอก คนบ้า! คิดว่ามีเงินแล้วก็จะรังแกใครก็ได้อย่างนั้นหรือหญิงสาวบ่นไปเดินไปตามริมทางเท้า ต่อมาสายตาก็แฉลบไปเห็นรถลีมูซีนสีดำมันปลาบวิ่งผ่านสายตาไป แต่บุคคลที่อยู่ด้านหลังนั่นสิ ธวาธิต ลาร์นาโด เธอจำเขาได้ บุรุษที่มีบุคลิกเย่อหยิ่งยโส มองคนอื่นด้วยหางตา พอรถเขาเลยผ่านไป และวิ่งเข้าตัวตึกซึ่งแน่นอนว่าเป็นลานจอดรถอย่างไม่ต้องสงสัย เท้าของพลอยใสก็ไวเท่าความคิด หญิงสาวรีบวิ่งไปทันที เธอต้องพบเขาให้ได้ อย่างน้อยเธอต้องรู้ว่าเหตุใด ตัวเองถึงถูกไล่ออกจากงาน เธอทำผิดอะไรเขาจึงไม่พอใจแบบนี้ แล้วถ้าเขายังมีความเมตตาบ้าง หญิงสาวก็จะขอให้เขาบอกเจ้านายของเธอ ให้รับตนเองเข้าทำงานอีกครั้ง อย่างน้อยเขาน่าจะคิดได้บ้าง เพราะตัวเองก็มีสายเลือดไทยอยู่ในตัว เหมือนๆกันกับเธอตั้งครึ่งหนึ่ง พลอยใสจะต้องเจรจากับเขาให้ได้ งานเดี๋ยวนี้ใช่หาได้ง่ายๆ ขณะที่พลอยใสกำลังหาทางเล็ดลอด เข้าไปยังลานจอดรถของตึกลาร์นาโดอยู่นั้น ร่างสูงในชุดสูทสากลสีดำหรู กำลังก่าวลงมาจากลีมูซีนด้วยท่วงท่าสง่างาม และพอเขายืดตัวเต็มความสูงได้เท่านั้น ธวาธิต ลาร์นาโด ก็กวาดตามองทุกอย่างรอบกาย ด้วยสายตาเรียบสงบและเยียบเย็น เกินที่ผู้คนจะคาดเดาได้ว่า เขาอยู่ในอารมณ์ไหน สำหรับการทำงานในเช้าวันนี้  ตลอดทางที่เขาเดินไป ผ่านคนเฝ้ารถของบริษัทที่แต่งกายด้วยสูทหรู สำหรับธวาธิตแล้วทุกอย่างต้องดูดีเสมอ พนักงานชาวอิตาเลียน โค้งให้เขาอย่างสุภาพ ทั่วทุกคนที่เขาเดินผ่าน แต่ผู้เป็นนายก็หาสนใจไม่ นิ่งเหมือนมองไม่เห็นหัวใคร และนี่คือนิสัยของเขา โรมมองไปรอบๆ สถาบันการเงิน ที่เขากุมบังเหียนอยู่อย่างพอใจ ทุกอย่างสะอาด ดูดี เนี้ยบ สมเป็นสถาบันการเงินอันดับหนึ่ง ใครเข้ามาติดต่อก็ไม่อาย พนักงานเขาทุกคนแต่งตัวโก้หรู ไม่มีพวกหนูสกปรกที่อยู่ตามท่อน้ำมาวิ่งพล่านให้เกะกะตา เพราะทุกคนที่เข้ามาขอกู้เงินนั้นต่างดูดีมีระดับ มีกิจการใหญ่โตทั้งสิ้น โรมคิดแล้วเดินบ่าตั้งหลังตรง ไปยังลิฟต์เฉพาะส่วนของผู้บริหาร พนักงานหน้าลิฟต์ที่แต่งสูทหรูไม่แพ้คนอื่นๆ โค้งให้เขาอย่างสวยงาม สมกับที่อบรมมาเป็นแรมเดือน ก่อนให้ทำงานจริงๆ ทุกอย่างสำหรับเช้าวันนี้ ราบรื่นเป็นปกติดี แต่พอลิฟต์เปิดและเขากำลังก้าวขาไปเท่านั้นก็ต้องชะงัก หยุดก่อน!”เสียงนั้นทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมุ่น โรมยืนนิ่งอยู่หน้าลิฟต์ แปลกว่าผู้หญิงที่ไหนตะโกนออกมาเป็นภาษาไทย ดังลั่นลานจอดรถของเขาไปหมด แถมสำเนียงไทยฟังชัดเจนทีเดียว ว่านั่นคือคำสั่ง ไม่ใช่การขอร้องวิงวอน และคนอย่างโรมหรือธวาธิต ก็ไม่ชอบให้ใครมาสั่งเสียด้วยสิ   คิดได้เท่านั้นก็กัดฟันกรอดดวงตาคมกริบดุจเหยี่ยวเวหานั้นลุกวาวอย่างไม่พอใจ หันไปยังที่มาของเสียงทันที แล้วก็เห็นสตรีผู้นางหนึ่งอยู่ไกลนักร่างหล่อนเล็กบางต่างจากสาวๆแถบนี้นัก ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันสนิทนึกตำหนิในใจว่าใครปล่อยแม่หนูสกปรกคนนี้ มาวิ่งเพ่นพ่านในสถาบันการเงินเขากัน หล่อนวิ่งผ่านพนักงานเขามาได้ยังไง จะมาเสนอขายตัวให้เขา แบบที่ผ่านมาอีกแล้วหรือ? จะมาเสนอทั้งที่ทำไมไม่รู้จักล้างคราบโคลน จากท่อน้ำเน่าออกเสียเลย ให้ตายสิ! พวกโสเภณีนี้น่ารำคาญที่สุด มาปั่นป่วนเขาให้เสียอารมณ์แต่เช้าเลย พวกนี้ขยันสังเกตดีจริงๆว่าเขาจะเข้าจะออกเวลาไหน เมื่อรู้ว่าจะมีผู้หญิงมาเสนอตัวให้แต่เช้า ธวาธิตเลยไม่สนใจ รีบกล่าวเข้าไปในลิฟท์ทันที แต่แล้วก็ต้องเม้มปากแน่น เมื่อหล่อนสั่งมาอีกหนอย่าเพิ่งไปเสียงหล่อนยังดังขึ้นพร้อมกับวิ่งกระหืดกระหอบมา อวดดี! โรมคิดอย่างไม่ชอบใจ แม่หนูสกปรกนี่กำลังสั่งใครอยู่ นอกจากเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่นี่มีใครฟังภาษาไทยออกบ้าง หล่อนจะมาขายตัวให้เขา อย่างน้อยก็คงรู้มาว่า เขาเข้าใจภาษาไทยและพูดไทยได้ ราวกับคนอยู่เมืองไทยมาแต่เล็กเชียว  และหล่อนก็จงใจสั่งเขาด้วยภาษาไทย โรมคิดและบอกตัวเองเสร็จสรรพ เท่านั้นเองดวงหน้าคมสันก็บึ้งตึง เขาหันกลับไปมองเจ้าหน้าที่กดลิฟต์ แล้วเอ่ยไปเสียงแข็งๆลากแม่หนูจากท่อน้ำรั่วที่ตะโกนเอะอะโวยวายอยู่นั้น ให้ตามฉันขึ้นไปด้วยกล่าวเท่านั้นธวาธิต ก็เดินเข้าไปในลิฟต์ทันที โดยมีพนักงานคอยกดปิดให้ และขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดอยู่นั้น หน้าคมของหนุ่มลูกผสมก็บึ้งตึงอีกครั้ง เมื่อแม่หนูที่โผล่มาจากท่อน้ำรั่ววี้ดออกมาใส่เขา อย่างไม่เกรงใจเลยว่าใครเป็นเจ้าของตึกอย่านะนายธวาธิต ไอ้คนเฮงซวย! จะหนีไปไหน ฉันมีเรื่องสำคัญมากนะ ไอ้...ก่อนที่เขาจะได้ยินวาจาแสบสันต์ ของพวกชนชั้นท่อน้ำรั่วมากไปกว่านี้ ประตูก็ปิดลงเสียก่อน ร่างสูงที่อยู่ในลิฟต์กำหมัดแน่น เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาเลยสักคน แต่ผู้หญิงขายตัวคนนั้น มาขึ้นไอ้กับเขาเขียวหรือ  บังอาจมากไปแล้ว ตัวเองมีอะไรดี นุ่งผ้าขี้ริ้ววิ่งเข้ามาในสถาบันการเงินชั้นนำของเขา แล้วยังมาขึ้นไอ้นั่นไอ้นี่กับเขา คิดว่าเขาไม่สันทัดภาษาไทยหรือยังไงกัน หล่อนนึกจะพ่นอะไรออกมาก็พ่นไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวรู้สึก! เปํนผู้หญิงไทยแล้วยังไง เขาจะสนหรือ ในเมื่อผู้หญิงมีเข้ามามากหน้าหลายดาไม่เคยขาด อยู่นี่ใช่จะอดสตรีไทยที่ไหนกัน สาวเอเชียเพียงแค่ออกปาก คนของเขา ก็เอาไปประเคนให้ถึงอพาร์ตเมนต์หรู ที่เขาซื้อไว้สำหรับใช้ทำกิจกรรมแบบนี้โดยเฉพาะ คนอย่างธวาธิตไม่มีเที่ยวไปเพ่นพ่านตามโรงแรม ให้ใครครหาหรือเอาไปลือกันสนุกปากแน่ เขาทำทุกอย่างระวังเสมอ ไม่อย่างนั้น คงไม่อยู่ด้วยภาพพจน์เลิศหรูแบบทุกวันนี้ ไม่ใช่น้องชายสองคนของเขา ที่ขยันเป็นข่าวจนบิดามารดาปวดหัว เขาเป็นพี่ชายใหญ่จะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ภาพพจน์ของนักการเงินต้องดูดีน่าศรัทธาเสมอ ธวาธิตคิดแล้วเดินบ่าตั้งหลังตรงไว้สง่าอีกครั้ง เมื่อถึงชั้นของตนจึงก้าวออกไปยังพื้นพรมหรู ท่ามกลางสายตาเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหาร และเพียงเขาตวัดสายตาคมไปยังทิศใด ทุกคนก็ก้มหน้าหัวหดกันเป็นรายๆไป ไอ้คนบ้า! อย่าหนีสิ ทำกับฉันถึงขนาดนี้ แล้วหนีกันง่ายๆได้ยังไงบัดซบจริงๆเลยนายธวาธิตไอ้คนเห็นซวย ฉันไม่ใช่พวกสักว์ที่อยู่ตามพื้นดินนะ ถึงมองด้วยหางตาแล้วเดินหนีไปแบบนี้ ฉันรู้นะนายฟังภาษาไทยออก ไอ้คนเฮงซวยคงจะคุยแต่เรื่องเงินเป็นอย่างเดียวสินะ เรื่องอื่นไม่สนใจเลย โธ่!แล้วฉันจะทำยังไงละทีนี้พลอยใสบ่นออกไปอย่างแค้นๆ เมื่อคนบ้าหัวหดนั่น เดินหายลับไปในลิฟต์หน้าตาเฉย เขาไม่สนใจเสียงเรียกของเธอเลยแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าเขาฟังภาษาไทยออก พวกลาร์นาโดทั้งสามคนมีมารดาเป็นคนไทย และเรียนรู้ภาษาแม่ของตัวเองหมดทั้งสามคน เรื่องนี้ใครเขาก็รู้กันทั้งนั้น  แต่หมอนี้กลับทำเหมือนฟังเธอพูดไม่ออก หญิงสาวคิดแล้วกระทืบเท้าไปมาอย่างขัดใจ แต่ก็เอะอะโวยวายได้ไม่นาน พลอยใสก็ต้องตกใจ เมื่อมีบุรุษแต่งสูทหรูเข้ามาแล้วคว้าต้นแขนเธอเอาไว้เดินตามมา คงได้สนุกแน่แม่หนูท่อน้ำรั่ว เจ้านายฉันบอกให้ลากคอเธอขึ้นไปหาเจ้านาย? พลอยใสทวนคำคนพูดงงๆ สักพักดวงตากลมโตก็สว่างวาบขึ้น เจ้านายของนายกดลิฟต์ ที่แต่งตัวราวกับนักธุรกิตใหญ่นี้ก็คือ นายธวาธิต ลาร์นาโดนะสิ  ดีเลยโอกาสเป็นของเธอแล้ว  เธอจะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องไปเลย หญิงสาวคิดอย่างพอใจ แล้วสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายทันที  จากนั้นก็เชิดหน้าขึ้น กล่าวไปด้วยสุ่มเสียงไม่ชอบใจ มองอีกฝ่ายด้วยหางตา เลียนแบบสายตานายธวาธิตที่มองเธอเมื่อครู่นี้ไม่ต้องถึงกับลากคอกันหรอก ฉันไปดีๆ ก็ได้กล่าวจบพลอยใสก็เดินเชิดหน้านำอีกฝ่ายไปเสียเอง ถึงเธอจะจนแต่ก็หยิ่ง ใครมันมีปัญหากับเธอก็ช่างหัวสิ คิดแล้วก็เดินเข้าไปในลิฟต์ โดยมีอีตาพนักงานนั่นเดินตามมาไม่ห่าง เรียกว่าอยู่ในสายตากันตลอด  สงสัยคงกลัวว่าเธอมีแผนจะมางัดตู้เซฟของที่นี่มั้ง หญิงสาวคิดแล้วก็หน้าตึง เชิดหน้าขึ้นสูง ทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาหมิ่นๆของพนักงานกดลิฟต์ โธ่! พนักงานเสิร์ฟกับคนกดลิฟต์นี่มันแตกต่างสูงส่งกว่ากันขนาดไหนเชียว ลูกน้องยังเท่านี้ แล้วเจ้านายจะขนาดไหน เฮ้อ! คิดแล้วมองจึงเงยหน้าขึ้น มองดูว่าลิฟท์ถึงชั้นไหนแล้ว อดตื่นเต้นนิดๆ ไม่ได้ ที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักการเงินมากความสามารถแห่งปี คิดแล้วเหมือนตัวเองเป็นหนูสกปรก ที่เที่ยวมาวิ่งเผ่นพล่านตามราชวังก็ไม่ปาน พาใครเข้ามา? เสียงถามห้วนจัด ของบุรุษที่นั่งอยู่หน้าประตูห้องนั้น ทำให้พนักงานกดลิฟต์ ที่เดินนำตนเข้ามาภายในห้องที่ติดฮีทเตอร์อุ่นสบาย มีกลิ่นหอมกรุ่นรวยระรินมาจนหญิงสาวต้องสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปลอด อ..เอ่อเสียงอีตาพนักงานกดลิฟต์อึกๆ อักๆ คงจะหนาวๆร้อนๆกับสายตาเยียบเย็นของเลขาฯ หน้าห้อง แต่หญิงสาวเห็นแล้วกลับเบ้ปากนิดๆไม่สนใจ เธอมองทุกอย่างรอบกายอย่างตื่นตา โอโหพวกลาร์นาโดคงรวยใช่ย่อย ของตกแต่งออฟฟิคนี้สวยแล้วก็คงจะแผงๆทั้งนั้น เธอสะดุดตากับภาพวาดอัศวินขี่ม้าตรงผนังห้อง แต่แล้วก็ต้องไม่สบอารมณ์กับเสียงเลขาฯ สกปรก! เหมือนหนูที่เพิ่งวิ่งขึ้นมาจากท่อน้ำเน่า ขนาดดารานางแบบมาเสนอตัว เจ้านายฉันยังไม่เอาเลย กลับไปได้แล้วนังหนูเหม็นพลอยใสได้ยินดังนั้นก็เม้มปากแน่น รองแบบนี้จะว่าใครละนอกจากเธอ ก็ผู้หญิงมันมีอยู่คนเดียว หญิงสาวหน้าตึงหันขวับไปต่อตากับเยียบเย็น หยามหยันของอีกฝ่ายอ้าว พูดให้สวยสิ ใครกันหนูเหม็น 


[1] Signore ซินญอเร มีความหมายว่า คุณผู้ชายหรือนาย  หรือจะใช้ signor ซินญอร์ก็ได้
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share
 
1
Reply topic :: แสดงความคิดเห็น
ชื่อผู้โพสต์:  เช่น John
ภาพไอคอน:
icon
แปะรูป:
 
รายละเอียด:
Emotion:




Security Code:
Verify Code 
 
   Bookmark and Share
   Main webboard   »   General Board
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Advertising Zone    Close


Online: 1 Visits: 18,165 Today: 7 PageView/Month: 13

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...